Monday, December 31, 2007

สรุปเหตุการณ์ปี 50 ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่

สวัสดีปีใหม่ค่ะ ทุกๆ ท่าน ปีนี้ขอให้พบแต่สิ่งดีๆ สมปรารถนาในทุกสิ่งนะคะ

มาดูเหตุการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตเจ้าของบล๊อคในช่วงปี 50 ที่ผ่านมากันดีกว่าค่ะ

เดินทางไกลแบบขับรถเอง 4 ครั้ง
- ขอนแก่น 7 – 13 ม.ค. 50
- ลำปาง 2 ครั้ง 27 – 29 ม.ค.50 , 5 – 7 พ.ค. 50
- นครราชสีมา 24 – 25 ก.พ. 50

เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก 8 ครั้ง
- ปราณบุรี 16 – 18 มี.ค. 50
- เกาะกูด 6 – 8 เม.ย. 50
- ชะอำ 29 เม.ย. 50
- ดรีมเวิร์ล 7 ก.ค. 50
- ดูหิ่งห้อยที่อัมพวา 8 – 9 ก.ย. 50
- OD แก่งกระจาน 27 – 28 ต.ค. 50
- กระบี่ 16 – 18 พ.ย. 50
- เวียตนาม 1 – 10 ธ.ค. 50

งานแต่ง
- โอ๋ พงศขจร 5 ก.พ. 50
- น้องชาย 25 ก.พ. 50
- หมวยเล็ก 31 มี.ค. 50
- เปิ้ล 17 มิ.ย. 50

งานเศร้า
- น้านิดเสีย 23 ม.ค. 50

อื่นๆ
- ปี 50 ที่ผ่านมานับว่ามีโชคพอสมควร จับฉลากในงานประชุมวิชาการได้รางวัลมาถึง 2 ครั้ง และยังได้ตั๋วคอนเสริตเรนอีกต่างหาก

เดือนตุลาได้ขั้นพิเศษเพิ่มด้วย และหนี้ที่กู้สหกรณ์ ร.พ.มาก็ใช้หมดซะที

หมายเหตุ ยอดผู้ชายยกมาจากปี 49 = 0 และยอดยกไปปี 51 ก็ยัง = 0 เหมือนเดิม T-T

Friday, December 28, 2007

Tag ของขวัญปีใหม่


ได้รับ Tag อีกแล้วครับทั่น คราวนี้เข้ากับเทศกาลมาก


ให้เลือกของขวัญปีใหม่ 5 ชิ้น สำหรับ 5 คนที่จะให้ จะเลือกอะไรให้ดีและทำไมถึงเลือก


เลือกบุคคลระดับโปรตอนและอิเลคตรอน K-shell มาเลยนะเนี่ย เพราะพอจะรู้ว่าอยากได้อะไรกัน แต่ส่วนใหญ่จะได้ปฏิทินที่มีรูปเราเป็นของขวัญปีใหม่กันทั้งนั้น (ยัดเยียดกันเห็นๆ) แต่ถ้าของที่คิดจะให้อาจไม่มีจริง หรือไม่คำนึงถึงราคาจะเป็นดังนี้


1. พ่อกับแม่

ปีนี้ให้พ๊อคเกตมันนี่ไปจำนวนหนึ่ง (เท่าเมื่อปีที่แล้ว ไม่มีเลื่อนขั้น) แต่ของที่อยากให้จริงๆ คือ ซื้อทัวร์พาไปไหนซักที่นึง คงต้องไปให้ครบทุกคนในครอบครัว รวมน้องชายด้วย พ่อแม่จะได้ตื้นตันมีลูกพาไปเที่ยวพร้อมหน้า


2. น้องชาย

ไม่เคยให้อะไรมันเลยตอนปีใหม่ หลังจากที่มันทำหน้ายู่ยี่ตอนได้รับ ส.ค.ส.จากเราตอนเด็กๆ จะมีให้ก็ตอนวันเกิดไม่กี่ครั้ง ถ้าจะให้ของปีใหม่ที่มันอยากได้ล่ะก็ เอาไปเลยรถใหม่ป้ายแดง เพราะเห็นบ่นอยากได้ มีข้อแม้ว่าจะเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อพี่สาวมันถูกรางวัลซัก 100 ล้านก่อน


3. อ๋อย

คงไม่มีอะไรถูกใจไปกว่า หายีราฟซักตัว มาให้เลี้ยงดูไปตลอดชีวิตอ่ะม้าง


4. จุ๋ย

ของที่คิดจะให้ก็หุ้นกับอ๋อยให้ไปแล้วตอนวันเกิด ถ้าให้ของที่เจ้าตัวอยากได้และเราเองมีเหลือเฟือก็นี่เลย วันหยุดพักร้อน 60 วันรวด


5. อ.ธวัชชัย

ถ้าจะให้ของถูกใจสงสัยจะเป็นพืชค้นพบใหม่ที่มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาเต็มไปหมด (จริงๆ อยากให้หัวแมนเดรกนะเนี่ย) แต่จะให้ดีต้องไปเป็นลูกมือช่วยทำวิจัยด้วยนี่ดิ

Monday, December 24, 2007

Merry Christmas EVE

แสนสุขใจเมื่อวานได้หยุด 1 วัน เป็นครั้งแรกในรอบครึ่งปีเลยเนี่ย ที่อยู่บ้านได้ถึง 24 ชั่วโมง

ถ้าให้ถามว่าเลือกตั้งมีอะไรดีบ้าง คงได้ตอบว่าเนี่ยแหละ ได้วันหยุดมีค่า 1 วัน

ทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็หวังว่าจะได้ทำ music VDO ทั้งทริปกระบี่และเวียตนาม และเขียนบันทึกท่องเที่ยวเวียตนามให้เสร็จซะที

อดหลับอดนอนมาหลายคืน ตั้งแต่เตรียม present HA เสร็จแล้วก็เรียงรูปทั้ง 2 ทริป จนตาแฉะ และเป็นหวัดอีกต่างหาก

ไม่นับที่อยู่เฝ้าร้านแทนเจ๊ติ๋มทั้งเช้า เย็น ดึก

แถมเอารูปมาทำ VCD ที่ ร.พ. (เพราะโปรแกรมที่บ้านพังซะแร้ว) เครื่องที่ ร.พ. ก็ดันรวนซะอีก

วันหยุดที่มีเลยต้องลงโปรแกรมใหม่ Picture to TV เพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ

แต่โอ้..แม่เจ้า ไม่นึกว่ามันใช้เวลาแปลงไฟล์เป็น VCD นานขนาด 5 ชั่วโมง ขนาดนี้ โปรแกรมที่เหลือ
อยู่ในวันหยุดเลยต้องเปลี่ยนเป็นอ่าน Harry Potter อย่างเมามันและรอเครื่องรันไปพลาง

..จนดึกดื่น...เหมือนโดนคำสาบสะกดใจของพ่อมด เราก็ยังนั่งตาค้างอ่านอยู่ (แต่ก็ไม่จบเพราะท้องเสียซะก่อน)

นี่ละหนอ 1 วันว่างของเรา -_-'

Wednesday, December 12, 2007

Tag เจ๊อ๋อย


ข้อ1 ให้เล่าเรื่องที่ประทับใจเกี่ยวกับเพื่อน

คนที่เราถือเป็นเพื่อนอยู่ตอนนี้ก็ประทับใจทุกคน หลายคนก็มีหลายด้านให้ประทับใจ เอาเป็นว่า ข้อกำหนดในการที่เราเลือกเป็นเพื่อนดีกว่า พจใช้ข้อเดียวคือ "เพื่อนคือคนที่รู้จักเราทุกแง่มุม (ทั้งด้านดีและด้านไม่ดี) และยังรักเราไม่เปลี่ยนแปลง" สำหรับคนที่รับไม่ได้กับบางมุมของพจ ก็เป็น"คนรู้จัก"กันเท่านั้นเอง

ที่จริงพจก็จัดระดับความสนิทของเพื่อนๆ เหมือนกับพวกอะตอมอ่ะนะ ประมาณว่าสนิทมากก็เป็นอิเลกตรอนวงในสุด นอกนั้นก็แบ่งเป็นชั้นๆ p-orbital , q-orbital ก็ว่ากันไป


ข้อ2 ให้เล่าเรื่องความลับของความรัก

เล่าแล้วมันจะลับเร้อ


ข้อ3 ให้ระบายอะไรก็ได้

ช่วงนี้งานยุ่งสุดๆ ทั้งงานหลวง งานราษฎร์ อยากจะหยุดพักไปนอนซัก 2 วันไม่ต้องทำอะไรเลยเนี่ย


ข้อ4 ความฝันที่ยังทำไม่สำเร็จ

โหย มีหลายด้านนะเนี่ย ทั้งฝันอยากจะมีร้านขายยาเป็นของตัวเอง ฝันอยากจะไปเที่ยวญี่ปุ่น ฝันอยากจะเป็นคนผอม และฝันอยากจะเป็นเจ้าสาว...ฮี่


ข้อ5 ให้ไปตอบคำถาม

คำถามอะไรอ้ะ

Saturday, November 24, 2007

เรื่องของกระทงหลงทาง


ก่อนวันลอยกระทงวันนึง เจ้าโอมมาไล่ถามคนโน้นคนนี้

"เจ๊ ไปลอยกระทงที่ไหนอ่ะ"

ถามไปถามมา ถึงได้บอกว่า

"ปีนี้แฟนไม่ว่างมาลอยกะผม"

555 สมน้ำหน้า

พอตกเย็น ทุกคนก็ได้แต่อำว่า โอมเอ๋ย สงสัยจะถูกแฟนทิ้งแล้วเงี้ย

เจ้าตัวได้แต่ทำหน้าจ๋อย แต่ก็ยังปากดีบอกว่าเนี่ย ถ้าใครรู้ว่าผมว่างคงพากันชวนไปลอยด้วยจนต้องแจกบัตรคิว -_-'

แต่สุดท้ายก็ยังไม่วายถามว่ามีที่ไหนจัดงานลอยกระทงสนุกๆ บ้าง

555 สมน้ำหน้าอีกครั้ง

พอย้ำ ครั้งที่ 500 ว่าถูกแฟนทิ้งแล้วเงี้ย

โอมก็บอกอย่างมั่นใจว่า ความรักของมันมั่นคงแน่นอน

"ก็เค้าบอกผมว่า คบกะผมแล้วทำให้เค้ากลัวตาย"

พอโดนแซวว่า มรึงโหดขนาดนั้นเรย?

มันเลยบอกว่า

"บร้า เค้าหมายถึงว่า รู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่าจนไม่อยากตายตะหาก"

อ่ะ คนอ่านบล๊อคนี้กลัวตายกันบ้างยังเนี่ย?

หุ หุ หุ

Thursday, November 22, 2007

ทริปกระบี่กลับมาแล้ว

หลังจากที่แก้งค์ปากหมาย่อย (ไม่ใช่ชุดใหญ่) วางแผนการท่องเที่ยวไว้ตั้งแต่หลายเดือนก่อน
จน 16 - 18 พ.ย. ที่ผ่านมาก็ได้ฤกษ์ดีพากันไปเฮฮา ดี๊ด๊า กันที่กระบี่ อย่างไม่สนใจสายตาคนรอบข้างว่าไอ้เสื้อเหมือนกันและสโลแกนเด็ดๆ พวกนี้มาทำอะไรกันเนี่ย

แต่ภารกิจตามสโลแกนของทุกคนก็ลุล่วงไปได้ด้วยดี ติดตามได้ใน my trip จ้า

มาดูรูปควันหลงกันดีกว่า





Monday, November 12, 2007

วันเสาร์ ส้มตำ และตลาดนัดจตุจักร

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่วันเสาร์กลายเป็นวันหยุดวันเดียวที่เหลืออยู่ใน 1 สัปดาห์

เพราะว่าวันอาทิตย์หลังจากอยู่เวรเสร็จก็ไปทำร้านยาต่อ...กว่าจะได้กลับบ้านก็มืดค่ำ

ถึงแม้ว่าวันเสาร์จะต้องตื่นเช้ากว่าวันอื่นๆ ไปขายยาซะก่อน แล้วหลังจากนั้น....เวลาก็เป็นของเรา

ไม่ต้องให้บริการคนอื่นซะที....ตูไม่ใช่เซเว่นนะเฟ้ย


มาว่ากันต่อ ทุกทีจะวางแผนไว้ว่าวันเสาร์นี้จะทำอะไรดี

10 พ.ย. เสาร์นี้ก็เหมือนกัน

หลังจากที่อ๋อยโทรมาคุยด้วยเมื่อวันก่อนว่าจะไปจตุจักรกะเพื่อน ก็แอบอิจฉาเล็กๆ ว่าแหม ได้ไปช้อปปิ้งอีกแระ

แล้วก็มีเหยื่อโทรมาอีกราย คราวนี้เป็น อ. ของเราเอง เลยได้โอกาสชวน พร้อมกับข่มขู่ให้พาไปเลี้ยงส้มตำซะดีๆ

อ๋อยโทรมาอีกครั้งเลยมีโม้ "ไม่มีแก ชั้นก็มีหนุ่มไปกินข้าวด้วยเฟร้ย" 555

จากนั้นโครงการต่อมาก็คือไปช้อปปิ้งบ้างที่โลตัส ซื้อของใช้เข้าบ้านแล้วก็ว่าจะถอยรองเท้าผ้าใบกิ๊บเก๋ซักคู่ ซื้อของเตรียมไปทริปกระบี่กับเวียตนามอีกนิดหน่อย


...............PERFECT..........................


เช้าวันเสาร์เริ่มต้นด้วยดี ไปถึงก็ไปเดินช้อปที่ตลาดนัดซอย 2 ซะก่อนเรย

ได้กระเป๋าสะพายใบเก๋อย่างที่หามานาน กับเสื้อกันหนาวโดนใจ ราคาไม่แพง

แต่เอ๊ะ....ขายยาไป มีเขม่นตาซ้าย

สักพักยัยอ๋อยโทรมาบอกกินข้าวกับ อ.กี่โมงอ่ะ (ตะแรกตกใจคิดว่ามันจะไปเป็นก้างขวางคอด้วย) แล้วก็บอกเสียงอ่อยว่าไปจตุจักรเป็นเพื่อนทีเด่ะ เพื่อนไม่ไปด้วยแล้ว

ตอบตกลงอย่างไม่ลังเล (ยังงงอยู่เหมือนกันว่าวิญญาณนักช้อปที่ไหนเข้าสิง)

แต่ต้องไปกินส้มตำก่อน เพราะนัดไว้แล้ว

ที่สำคัญคือจะไปดูเสื้อกันหนาวที่เล็งไว้ แต่ อ. ดันซื้อได้ก่อน (อิจฉาอีกแระ)

พอไปถึงก็ไปกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่เรื่องเสื้อกันหนาว ได้ลองใส่ด้วย ถึงจะเป็นสีน้ำเงินไม่ใช่สีแดงอย่างที่เล็งไว้

เสื้อเกือบพอดี จน อ. บอกว่า เอาไว้ผลัดกันใส่.....แต่ต้องหารค่าเสื้อนะ (ไม่มีวัน)

..........กลับมาบ้านถึงนึกได้ว่า นี่ตูอ้วนจนใส่เสื้อไซต์เดียวกะ อ. แล้วเหรอเนี่ย T-T

จากนั้นก็อวดเสื้อกันหนาวที่ซื้อมามั่ง.......อ. ก็เอาไปลองใส่ (แหม ดีนะที่ใส่เสื้อเค้าไม่ได้อ่ะ)

พากันไปกินส้มตำจนลืมอ๋อย

มานึกได้ตอน อ.ถามว่าไปไหนต่อ พอบอกว่าไปจตุจักร แกก็ทำตาวิบวับ อยากไปมั่ง

คุยไปคุยมาแกพอจะรู้ชะตาว่าคงถูกทิ้งไว้แถวที่ขายต้นไม้ ส่วนสาวๆ ไปซื้อเสื้อผ้ากัน

แกก็เลยไม่ไปด้วย



อ๋อยเอาของไปให้ญาติแล้วก็จอดรถไว้ที่สุทธิสาร นั่งรถแท๊กซี่ไปจตุจักรเนี่ยเป็นความคิดที่ดีสุดๆ เพราะหาที่จอดยาก ถ้าจอดได้คงต้องเดินกันเป็นกิโล

งานนี้อ๋อยไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะมาซื้อของตัวเอง แต่จะซื้อกางเกง legging ให้น้องสาวที่ภูเก็ต

ไอ้เราก็ไม่รู้ว่ากางเกง legging มันเป็นยังไงกัน คนจะซื้อให้ข้อมูลที่นัวร์ ๆ มาว่าก็กางเกง 4 ส่วนอ่ะ

แต่พอถามคนขายแล้วมันม่ายช่ายเรย

มันคือกางเกงพรรค์นี้ตะหาก

ไม่รู้น้องสาวอ๋อยคิดไงนะเนี่ย เห็นแต่ป้าๆ ที่กระชากวัยเค้าใส่กันอ่ะ

แต่เอาเหอะ เดินกันจนอ๋อยได้กระเป๋า เสื้อ เข็มขัด แล้วถึงได้ legging ของน้องสาว

ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้ไปเจอ"ยุทธหัตถี" ที่จตุจักรด้วย

เพราะเห็นอ๋อยกะสาวหุ่นไล่เลี่ยกันเดินเฉี่ยวกันแว้บๆ

พอบอกมันแค่นั้นล่ะ มีหัวเราะกั๊กๆ แถมด้วยค้อนทิ้งท้าย ว่าคิดได้ไงเนี่ย

แหม..ก็นะ

ส่วนเราไม่ได้เสื้อคอเต่าที่จะซื้อไปแลกกะของ อ. (ที่ดันซื้อมาตัวเล็ก ใส่แล้วเป็นเสื้อเอวลอย555) กะว่าได้กำไรชัวร์ เพราะ อ. แกบอกว่าตัวละ 500

ไปได้หนังสือที่ลด 25% แทน

ก่อนกลับแวะกินฟูจิกัน...งวดนี้ไม่อิ่มมากเท่าที่ โออิชิ แต่ปลาหิมะก็อร่อยกว่า

หมดวันหยุดไปอีกวัน........เฮ้อ

Thursday, November 01, 2007

Tag 5 ความดีเพื่อพ่อ

โห ให้เขียนว่าจะทำความดีอะไรเนี่ยยากเหมือนกัน เพราะปกติไม่ค่อย..

พยายามคิด (มาหลายคืน)ก็ได้ดังนี้

1.พาพ่อแม่ไปกินข้าวนอกบ้านเมื่อมีโอกาส เพราะรู้สึกเดี๋ยวนี้มีเวลาให้พ่อแม่น้อยเหลือเกิน กลัวว่าจะขาดความอบอุ่น

2.อ่านหนังสือ (ที่มีสาระ)ให้มากกว่านี้ เพราะรู้สึกช่วงนี้มีแต่นิยาย กับการ์ตูน จะว่าชดเชยช่วงเรียนที่ไม่ค่อยได้อ่านเลยก็นานไปแระ

3.หัดทำอาหารให้พ่อกิน อันนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นการทำดีรึป่าว เพราะคราวที่แล้ว ทำให้กิน พ่อบอกว่า ซื้อเขาเอาเหอะลูก

4.ระงับอารมณ์ตอนหงุดหงิดให้ดีที่สุด ตอนนี้ทำได้แค่เงียบ แต่บ่อยครั้งที่ปล่อยวาจาฉุนเฉียวเชือดเฉือนออกไป

5.เลิกซื้อของที่ไม่ได้ใช้และไม่เป็นประโยชน์ซะที เพราะเงินบางส่วนละลายไปกับไอ้ของน่ารักๆ นี่แหละ..เฮ้อ

รูปนี้ไม่ค่อยเกี่ยว แต่อยากบอกว่า ถึงจะอ้วน ขี้เหร่ ขี้เกียจและงี่เง่า ไม่ว่ายังไง ก็ยังเป็นเจ้าหญิงตัวน้อย!?! ของพ่อแม่อยู่ดีแหละ

Sunday, October 28, 2007

ไปจับปูใส่กระด้ง ที่เพชรริมธารรีสอร์ท เพชรบุรี

เสาร์อาทิตย์นี้ (27 - 28 ต.ค.) ไป OD กับ ร.พ. มา ที่เขื่อนแก่งกระจาน เพชรบุรี


หลังจากเล่าไปแล้วว่าไปดูสถานที่ แล้วก็ได้เพชรริมธารรีสอร์ท แห่งนี้ สำหรับรองรับพวกเรา 2 รุ่น รุ่นละร้อยกว่าชีวิต


นรกเริ่มจาก..เอ๊ย การเดินทางเริ่มจาก ตื่นแต่เช้ามืด (ตี 4 ) เพื่อไปขึ้นรถตู้ของ ร.พ. ไปจัดเตรียมสถานที่ก่อนที่รถบัสอีก 2 คันจะพาเจ้าหน้าที่คนอื่นตามไปท่องเที่ยว เอ๊ย อบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากร (OD)


ยังไม่ทันได้ขึ้นรถ ก็โดนสมาชิกที่มากันแต่เช้า ล้อมตัวไว้


"ไหนอ่ะ ป้ายชื่อติดกระเป๋า"


"ไหนอ่ะ รถคันที่ 1 คันที่ 2 ไม่เห็นมีป้ายติด"


นี่มานไม่ใช่หน้าที่เค้าน้า T-T


แต่มองไปทางไหนก็ไม่มี สต๊าฟเลยซักคน นอกจากตูคนเดียว เลยต้องคุ้ยหาของให้อย่างทุลักทุเล



หนีขึ้นรถตู้ได้ก็แวะรับสมาชิกรถตู้คนอื่นๆ จนครบ แล้วก็บ่ายหน้าไปรับข้าวกล่องที่ปั๊มเจ๊ท ราชบุรี


........มีเพียงลมหนาว และความว่างเปล่า...............................


"ฮัลโหล พี่~ ข้าวอยู่ไหน"


"พจเหรอ .......นี่พี่อยู่นครปฐมอ่ะ กำลังจะไปเอาข้าวกล่อง ที่ร้านปฐมโภชนา" ......................แป่ว



งั้นพวกเราไปหาข้าวกินเองก็ได้ พวกเราสรุป แต่แล้วเหรัญญิกประจำทีมก็ท้วงขึ้นมา


"ไม่ได้อ่ะพจ เดี๋ยวเราต้องฝากเงินค่ารถทัวร์ไว้ที่รถข้าวด้วย"........................-_-'


........รอกันต่อไป ท่ามกลางลมหนาวและความว่างเปล่า..........................................



"ให้ทายอ้ะ ว่ารถบัสจะมาก่อน หรือรถข้าวจะมาก่อน"



แล้วรถข้าวก็มาก่อนอย่างฉิวเฉียด



พวกเราไปถึงรีสอร์ทก่อนรถบัสประมาณครึ่งชั่วโมง


พอรถบัสมาถึง กว่าจะต้อนทุกคนขึ้นห้องประชุมได้ ผ่านไปครึ่งชั่วโมง



ปัญหาต่อไปก็มาถึงเมื่อทางรีสอร์ทบอกว่าเราต้องแบ่งคนไป 2 ที่ คือล่องเรือในเขื่อนเพชร กับล่องแพยาง


จากที่ตกลงกันตั้งแต่แรกว่าจะได้ไปทั้ง 2 ที่


ต้องเข้าไปนับคน (ที่ยังมาไม่ครบ) แล้วก็ชี้แจงใหม่ให้เข้าใจว่าไปแค่ที่เดียวน้า..ตัวเอง


แต่สต๊าฟอีกฝ่ายก็ใช้เวลาที่เรานับคนนั้น ไปต่อรองใหม่จนได้ไปทั้ง 2 ที่ แต่ต้องจำกัดเวลา..............


นี่ตูเสียเวลาทำอะไรอยู่เนี่ย




หลังจากนั้นเราก็ลงเรือหางยาวไปชมวิวในเขื่อนอย่างเบิกบาน.............ท่ามกลางสายฝน


พอขึ้นจากเรือก็ไปท่าน้ำอีกที่เพื่อล่องแพยาง แต่งวดนี้เราขอบาย พักสักนิดจะดีกว่า


หลังจากนั้นก็พารถไปเก็บ เอ๊ย ไปรับพวกที่ล่องแพยางกลับรีสอร์ท



กำหนดการเดิมคือตอนเย็นจะมีกิจกรรมรอบกองไฟ


แต่ดินฟ้าอากาศก็ทำให้ทางรีสอร์ทจัดที่ในห้องอาหารให้แทน


โชคยังดีที่ กิจกรรมหลังกินข้าวเย็นนี้ค่อนข้างสนุก ทุกคนแด๊นซ์อย่างเมามัน



..........ผ่านไป 1 วัน..............เฮ้อ



วันที่ 2 เริ่มต้นด้วยความขมุกขะมัวของเมฆฝน


กำหนดการคือ ไปเที่ยวถ้ำเขาเตาหม้อกัน แต่ทางรีสอร์ทบอกว่าไม่ควรไปเพราะฝนตก ทางถ้ำจะลื่น


เลยคิดสถานที่กันใหม่ คือไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม


แต่ปรากฎว่ารถบัสไม่ไป บอกว่าไกลมาก เนื่องจากงวดนี้เราเหมาค่ารถและน้ำมัน โดยระบุเส้นทางที่จะไป พอเปลี่ยนเส้นทางปุ๊บคนขับก็มีอาการงอแง


งั้นไปเล่นน้ำกันที่เล่นแพยางกันเมื่อวานก็ได้.........มาอีก 1 ความเห็น


ก็เกือบจะตกลงกันอยู่แล้ว ถ้าฝนไปตกลงมาซะหนัก.............อะไรเฟ้ยเนี่ย


เพราะฉะนั้นทุกคนเลยแกร่วกันอยู่ที่รีสอร์ทจน 11.00 น.


รอไปรอมาซักนิดก็มีแดดบ้าง เลยถือโอกาสชวนพวกๆ ถ่ายรูปกัน









กินข้าวเที่ยงกันอย่างรวดเร็ว แล้วก็บอกลารีสอร์ทซะที


รถบัสมุ่งหน้าไปชะอำตามกำหนดเดิม หลังจากแดดออก


ส่วนเราและสมาชิกรถตู้...ไปช้อปคลายเครียดกันที่พรีเมี่ยมเอ๊าท์เลทกันดีกว่า


ไม่ได้อะไรอีกต่างหาก....



แวะซื้อขนมของฝากก่อนกลับบ้านอีกครั้ง



งวดหน้าตูไม่เป็นสต๊าฟอีกแล้วเฟ้ย...........ร้องบอกดังๆ กับฟ้าฝน

Friday, October 26, 2007

Tag 5 things u don't know about Photch

เหมือนกับแฉตัวเองงัยก็ไม่รู้ แต่เอาเหอะ tag กลับให้คนส่งด้วยหัวข้อเรื่องเดิม 555


เรื่องที่ใครก็ไม่รู้ (ถ้าไม่เล่า) ของพจนารถ


1. เราจะไม่กัดหรือเคี้ยวของแข็งด้วยฟันหน้า
ใครที่ไม่สังเกตจะไม่เห็นข้อนี้ และปกติเราก็จะกินข้าวเร็วแบบไม่ค่อยเคี้ยวอยู่แล้วด้วย
เรื่องของเรื่องก็คือตอนอยู่ ป.6 เล่นวอลเล่ย์กับเพื่อนแล้วหกล้มฟันหน้ากระแทกกับกระถางปูนของโรงเรียนจนฟันบิ่นเหลือครึ่งเดียวตามแนวแทยง เลยต้องไปใส่ฟันครอบ ตั้งแต่นั้นจะเคี้ยวอะไรก็ต้องระวัง แต่ก็ไม่ค่อยระวัง ฟันหลุดบ่อยๆ เวลาหลุดทีก็จะถูกกรอฟันที จนฟันเหลืออยู่นิดเดียวไม่ถึงครึ่งซี่เหมือนเก่า คราวนี้เลยต้องระวังสุดๆ


2. เฉียดตาย / พิการ หลายครั้งตอนเป็นเด็ก
จริงๆ แล้วเราเป็นเด็กน่ารักเรียบร้อยสุดๆ แต่ทำไมก็ไม่รู้เวลาแม่หรือพวกน้าๆ ที่เคยเลี้ยงตอนเด็กเล่าเรื่องในอดีตให้ฟังทีไรเป็นต้องส่ายหน้ากันทุกคน
ตั้งแต่นั่งจักรยานเบาะเด็กด้านหน้าแล้วเอาเท้าแหย่เข้าไปขัดในซี่ล้อรถ จนรองเท้าพัง (แต่เท้ายังดีอยู่) และซี่ล้อหัก
ปีนขึ้นไปบนตู้กับข้าวเพื่อหาของกินแล้วทำตู้กับข้าวล้มมาทับ ดีที่ประตูตู้กางตั้งฉาก เลยค้ำตู้ไว้ไม่ให้ทับเด็กแสบ..เอ๊ย เด็กน่ารักที่อยู่ตรงกลางได้ แต่ของในตู้หล่นแตกเกือบหมด และตู้ก็โดนพ่อเลื่อยขาตู้ให้สั้นจุ๊ดจู๋ จะได้ไม่ล้มอีก


3. เกลียดครูมาก
ตอนเด็กๆ รู้สึกว่าครูไม่ค่อยยุติธรรม ทั้งที่ก็เป็นเด็กเรียน ตั้งแต่มีเรื่องใหญ่ตอนประถมที่แม่ไปว่าครูสอนภาษาอังกฤษ ว่าสอนไม่รู้เรื่อง ครูสอนสังคม (สงสัยพวกเดียวกัน) ก็มาหยิกน่าตาเฉย แถมดุเราอีก
ส่วนตอน ม.ต้น ครูสอนงานบ้านก็แว้ดขึ้นมาตอนที่เรา present เรื่องที่นอนใยมะพร้าว ว่าเนี่ยไม่เคยนอนที่นอนนุ่นแบบที่เขายัดแบบดีๆ แข็งๆ หรือไง รู้สึกว่าครูคนนั้นโลกทัศน์แคบและไม่รับฟังเด็กเลย แล้วก็เกลียดที่ว่าเราต่อหน้าเพื่อนคนอื่นๆ
ครูสอนบาสก็เหมือนจะเขม่นเรื่องอะไรก็ไม่รู้ กดเกรดจนได้ 2 ทั้งที่เราทำข้อสอบได้แน่นอน
และแค่กินน้ำในห้องเรียน ครูสุขศึกษา ก็ว่าซะจนร้องไห้
ดูๆ ไปก็เหมือนโชคไม่ดีเจอพวกครูเก็บกด มาระบายเอากับเด็กอ่ะ เลยค่อนข้างเกลียด


4. เลือกใส่สีเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับตามตำราพิชัยสงคราม
ยิ่งตอนรู้สึกว่าจิตตก อ่อนแอ หรือมีศัตรู จะเคร่งครัดเป็นพิเศษ
"วันอาทิตย์สิทธิโชคโฉลกดี เอาเครื่องสีแดงทรงเป็นมงคล
เครื่องวันจันทร์นั้นควรสีนวลขาว จะยืนยาวชันษาสถาผล
อังคารม่วงช่วงงามสีครามปน เป็นมงคลขัตติยาเข้าราวี
วันพุธสุดดีด้วยสีแสด กับเหลือบแปดปนประดับสลับสี
พฤหัสฯจัดเครื่องเขียวเหลืองดี วันศุกร์สีเมฆหมอกออกสงคราม
วันเสาร์ทรงดำจึงล้ำเลิศ แสนประเสริฐเสี้ยนศึกให้นึกขาม"


5. จริงๆ แล้วเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ขี้ใจน้อย เอาแต่ใจ และเข้ากับคนยาก แต่ยังมีข้อเสียกับข้อดีอื่นๆ ช่วยบดบังไว้ อย่างเช่น รักษาภาพลักษณ์ของตัวเองสุดฤทธิ์ เรื่องแสดงความเอาแต่ใจกับเข้ากับคนยากเลยไม่ค่อยเห็น แต่ถ้าอยู่ในครอบครัวหรือหมู่คนไม่รู้จักที่ไม่ต้องแอ๊บ ก็จะเห็นเหน่งๆ เรยล่ะ ส่วนความคิดที่ว่าเราเนี่ยช่างเป็นคนโชคดีก็ทำให้การมองโลกในแง่ร้ายเปลี่ยนเป็นความรอบคอบแทนในบางครั้ง อย่างเช่น ต้องเดินทางไกลคนเดียว ก็จะคิดไว้ก่อนว่าแย่จริง ไม่อยากไป ตกรถทำไง ฯลฯ เลยต้องคิด แผน 1 ถ้าตกรถจะ.. แผน2 หาวิธีอื่นไป.. แต่พอไปถึงแล้วก็จะคิดว่า...เฮ้อ เรานี่โชคดีจริง ไม่เจอเรื่องร้ายอย่างที่คิดไว้ อิ อิ

Monday, October 22, 2007

วันเกิดจุ๋ย 19 ต.ค. 50

วันนี้ (21 ต.ค.)ไปงานทำบุญวันเกิดจุ๋ย หลังจากเมื่อวานอ่วมอยู่ในกรุงเทพฯ เกือบ 8 ชั่วโมง แถมยังกินท้องแทบแตก

เกรงใจ๊ เกรงใจอ๋อย ที่อุตส่าห์ขับรถให้ เพื่อไปติดบนถนน 3 ชั่วโมง ระหว่างนั้นน้ำมันก็กำลังจะหมด หิวกันสุดฤทธิ์ และปวดขรี้ (อ๋อยนะ)

กินโออิชิกะเจ้าโอมเสร็จ ก็ยังต้องปุเลงไปหาปั๊มเติมน้ำมัน แล้วก็หาซื้อของขวัญวันเกิดให้จุ๋ย

ทีแรกกะจะไปซื้อที่เซ็นทรัลพระราม 3

แต่ไปๆ มาๆ หลงขะรับ

เลยต้องซมซานมาซื้อที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชายแดนที่ติดกับบ้านนอก (ตรงไหนฮึ...พี่ยี้) เหมือนเก่า

เลือกกันอยู่นานมาก ขนาดพาโอมมาช่วยเลือก (แต่ไม่ค่อยมีประโยชน์)

ในที่สุดโอมกะอ๋อยก็เลือกได้กางเกงว่ายน้ำลายดอกที่ชวนให้นึกถึง........หน้าร้อน....... ชายหาด ..........และเกย์ -_-‘

เลือกไปเลือกมายังดีที่ได้เป็นสีเทาลายทหารแทน......เฮ่อ ......โล่งใจแทนจุ๋ย

หลังจากนั้นยังมีรายการจองตั๋วรถทัวร์กันที่สายใต้อีก

กว่าจะถึงบ้านก็โน่น 3 ทุ่ม แถมไม่ได้ไปงานสัปดาห์หนังสืออีกต่างหาก

วันรุ่งขึ้นอ๋อยก็ทำหน้าที่สารถีมารับไปบ้านจุ๋ยอีก พวกเราซื้อฝอยทองไปช่วยทำบุญ

ไปถึงเจ้าของงานก็เตรียมใช้ หลังจากเมื่อวานดันเปิดช่องบอกว่าจะให้ช่วยอะไรก็บอก

เลยต้องไปจัดขนมหวานกะปอกผลไม้

อ๋อย start ด้วยการกินข้าวเช้าเอาแรงซะ 2 จานก่อน

หลังจากนั้นพวกเราก็จัดกันตามมีตามเกิด จนคิดว่าเลี้ยงพระครั้งนี้จะได้บุญมั๊ยเนี่ย
เพื่อนๆ เราก็มีเอก พาลูกเมียมาด้วย

หลังจากนั้น.....ไม่อยากจะเชื่อว่ายังต้องเป็นช่างภาพจำเป็นถ่ายรูปให้ด้วย

ได้แต่เตือนจุ๋ยว่างานทำบุญนี่ต้องสำรวม NO NUDE นะยะ

ที่ฮากว่านั้น เพื่อนๆ จุ๋ยที่ทำงานก็มากันอีก 3 คน

มาถึงก็ทักอ๋อยเรยว่า นี่ใช่มั๊ย แฟนเก่าจุ๋ย เห็นมีรูปอยู่ที่โต๊ะทำงาน

เจ้าภาพทำหน้าบอกไม่ถูก 555

หลังจากนั้นก็รวมหัวกับพวกเราแซวจุ๋ยอย่างเมามัน จนกินข้าวอิ่ม


มีรูปนางแบบ คือน้องฟ้า ลูกสาวเอก (ชื่อเดียวกะนางงามจักรยาน เอ๊ย จักรวาล ซะด้วย)

ที่อยู่ดีๆ ก็มาทำหนิดหนมกะเค้า จูงมือกันอย่างดิบดีเพื่อไปถ่ายรูปให้หนูหน่อย

Monday, October 08, 2007

เหนื่อย เครียด กิน(เข้าปาย)

ระยะนี้รู้สึกว่าทำงานเยอะมั่กๆ ทั้งขายยา อาทิตย์ละ 4 ครั้ง อยู่เวรเช้า - เย็น อาทิตย์ละ 2 วัน แล้วก็เวรทั้งวันวันอาทิตย์อีก.........เฮ่อ
นี่ตูทำบ้าอะไรอยู่ฟะเนี่ย

เดี๋ยวนี้กลับมาบ้านถ้าไม่ปักหลักอยู่หน้าคอม (ช่วงต้นอาทิตย์) ก็จะหลับคร่อก แบบหมดแรง (ช่วงปลายอาทิตย์)
ทีแรกตั้งใจจะบอกเลิกขายยาร้านที่นครชัยศรี
........ก็เคยบอกไปแล้วอ่ะนะ
แต่พี่เจ้าของร้าน ชื่อพี่ติ๋ม เป็นหัวหน้าเภสัชอยู่ที่ รพ.นครชัยศรี ขอร้องว่าให้ช่วยกันไปพลางๆ ก่อน
แหม..ไอ้เราก็เคยไปฝึกงานกะแกอ่ะนะ แถมแกบอกว่าวันไหนเหนื่อยก็ให้บอก
แต่ส่วนใหญ่แกจะโทรมาจิกซะมากกว่า ว่าอยู่เลยเวลาให้ทีนะ หรือมาอยู่เพิ่มวันนั้นวันนี้ด้วยนะ
.....เฮ่อ...........
ตอนนี้ที่ทำแก้เซ็งไปวันๆ ก็แค่เปลี่ยนริงโทนตอนพี่ติ๋มโทรมาให้เป็นเพลง "เสียเวลา ก็เสียเวลาออก อย่างนี้ต้องลาออก..." ว่ะ 555

ถ้าอารมณ์ดีแล้วค่อยเปลี่ยนเป็น "ไม่เคยรักใครเท่าติ๋ม..." ก็แล้วกันเนอะ พี่ติ๋มเนอะ

แต่ประหลาดมาก แทนที่จะผอม กลับน้ำหนักขึ้น


เครียด




เหนื่อย


กิน

จริง จริ๊ง เรยเรา

Saturday, October 06, 2007

ชิงโชคแพคเกจที่พักพร้อมอาหารกับ FM One 103.5

มีโทรศัพท์มาอีกแร้ว..........

คราวนี้บอกว่าคุณคือผู้โชคดีได้รับการคัดเลือกให้ส่งใบสมัครไปร่วมชิงรางวัลที่พัก 3 วัน 2 คืน พร้อมทำกิจกรรมกับคลื่นวิทยุ FM one 103.5 ที่โรงแรม Holiday Inn Resort Regent Beach ชะอำ

แล้วก็ส่งใบสมัครมาให้กรอกทาง e-mail พร้อมทั้งบอกว่า พี่..ช่วยตอบให้สนุกสนานและเป็นตัวของตัวเอง เต็มทึ่เรยนะคะ


คำถามและคำตอบก็มีมีว่ายังงี้แหละค่า

- กองทะเบียนราษฎร์เรียกคุณว่าอย่างไร
เรียกว่า “คนต่อไป..เชิญค่ะ” แต่ถ้าอ่านตามบัตรประชาชน คือ น.ส. พจนารถ โตประศรี

- พ่อแม่เรียกคุณว่า
ลูกหมูของแม่

- เพื่อนสนิทเรียกคุณว่า
พจ แต่บางทีจะมีคำนำหน้าว่า ไอ้ อี นัง ฯลฯ ตามอารมณ์ของพวกมัน

- อาบน้ำร้อนมากี่ปีแล้ว
ซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นมา 10 ปีได้ แต่อาบน้ำร้อนนี่ยังไม่เคยเพราะกลัวสุก

- คุณชอบผู้ชายหรือผู้หญิง
ชอบคนหน้าตาดี ทั้งผู้ชายและผู้หญิง (นี่เรายังปกติอยู่ใช่มั๊ยเนี่ย...ตัวเอง)

- อยากได้ยินเสียงคุณต้องทำยังไง
ลองหาอะไรมาปาที่ศีรษะสิคะ

- ไปรษณีย์อิเล็กโทรนิกส์ของคุณ
เห็นเค้าเรียกตัวเองว่า Gmail, Hotmail, Yahoo นะ
แต่ที่อยู่อิเล็กโทรนิกส์ (คือคำแปลของ e-mail address ใช่ไหม) ที่ใช้บ่อยคือ
photch@gmail.com

- อกหักพักบ้านไหน
ต้องถามพี่ก๊อตจักรพรรณ์ เพราะแกเคยร้องว่าคนอกหักพักบ้านนี้
ส่วนตัวเองยังไม่เคยอกหัก เพราะยังไม่เคยมีใครมาจีบ....อะฮื้อ T-T


- คุณเป็นคนมีคลาสแค่ไหน
ไม่มีซักคลาสไม่ว่าจะเป็น C E หรือ S- class

- แล้วคลาสคุณอยู่ที่ไหน
ฝากจอดไว้ที่โชว์รูมก่อน

- โตขึ้นคุณอยากเป็นอะไร
เป็นผู้เป็นคน

- พอโตแล้วคุณได้เป็นอะไร
โตขึ้นทั้งตัวเลยกลายเป็น อีอ้วน

- เครื่องตอกบัตรที่คุณใช้อยู่ที่ไหน
อะไรคือเครื่องตอกบัตร หญิงไม่เข้าจาย?? แต่ถ้าตอกใจ ต้องเพลงคลื่น 103.5 ........โดน...นนนนนน

- อัจฉริยะภาพของคุณคืออะไร
ปั้นน้ำให้เป็นตัว


- ว่างๆ ชอบทำอะไร
อ่านหนังสือ ฟังเพลง เล่นเนต ท่องเที่ยว และขุดหลุมรักรอหนุ่ม

- สรรพคุณเบ็ดเตล็ดของคุณ
“หน้าตาไม่ดี ดวงดี"


1. ถ้าคุณได้ร่วมเดินทางใน Happy Holiday คุณจะทำหน้า Happy แบบไหน

ทำหน้าแบบท่านนายกสุรยุทธ์ คือ ผมพอแล้ว ได้เป็น เอ๊ย ได้ไปครั้งนี้ก็เพียงพอแล้ว


2. คุณเห็นอะไรในภาพนี้บ้าง

ข้อความด้านล่างควรให้ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ อ่านประกอบจะได้อารมณ์มาก

“ภาพนี้เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งของตัวตน การขจัดความขัดแย้งและอัตตาในตัวตนจะทำได้เมื่อจิตของเรานิ่งดีแล้วไม่ปรารถนาอย่างอื่น ความสุขก็จะปรากฏออกมาเอง เข้าใจใช่มั๊ย ความสุขน่ะ มันก็เหมือนที่สื่อออกมาเป็นใบไม้สีเขียวด้านข้าง หรือเปรียบกับโทรศัพท์น่ะ อะไรนะ แฮ้ปปี้ใช่มั๊ย แฮ้ปปี้น่ะมันก็คือความสุขไง”

1. เลข 1 ที่คุณเห็นอยู่นี้ คุณคิดว่านี่คือจำนวนของอะไร มีความหมายยังไง
จำนวนของความประทับใจ ..เป็นลำดับที่ ของคลื่นวิทยุ
ก็แปลว่า (F M one ) หนึ่งในใจคุณงัย (เชลียร์หน่อย คงไม่เว่อร์ไปหรอกนะ)



4. FM ONE คุณคิดว่ามันคือ “วัน” อะไร
วันแห่งวันสุขของทุกคน (Happy day) หรือคุณคิดว่ามันเป็นวันแห่งความรัก...นั่นมันแพนเค้กแร้ว


5. คุณเห็นรอยยิ้มนี้เป็นรอยยิ้มของอะไร
คนเป็นโรคปากนกกระจอก!!


6. เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคืออะไร
คือกระเบื้อง 5ห่วง (ทนหายห่วง)

7. จงแต่งประโยคจากคำต่อไปนี้ Happy / แอ๊บแบ๊ว / กิ๊ก / Holiday / เวิ่นเว้อ

หลังจากที่กิจกรรม Happy holiday กับคลื่น F M one ได้ดำเนินมาถึงรอบแรกของการคัดเลือก เหล่าดีเจประจำคลื่นก็ได้ทำการค้นหาน้องๆ แอ๊บแบ๊ว ทั้งหลายที่หลงเข้ามาสมัคร คาดว่า หนุ่มใหญ่ สาวใหญ่ท่าทางเวิ่นเว้อทั้งหลายคงจะตกรอบกันระนาวอยู่ รอบต่อไปสำหรับผู้ที่ผ่านด่านคารมจากใบสมัครแล้วคงจะต้องพบกับด่านหน้าตาที่ควรจะต้องใสกิ๊ก เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศน้ำใส หาดสวยกันที่ชะอำ ติดตามความเคลื่อนไหวของกิจกรรมนี้ได้ทุกๆช่วงดีเจ ที่ FM one 103.5 นะคะ

8. ถ้าคุณเจอตะเกียงวิเศษ คุณจะขอพรอะไร 3 ข้อ
1. ขอให้เจอเจ้าชายในฝัน
2. ขอให้อยู่ในอ้อมแขนของเค้านานๆ
3. ขอให้เจอทีมงาน FM one หน้าตาดี

9. หากคุณได้เป็น 1 ในผู้ผ่านการคัดเลือก ซึ่งจะเดินทางในวันที่ 26-28 ต.ค. ตรงกับวันศุกร์-อาทิตย์ คุณจะมีวิธีลางานกับเจ้านายอย่างไร

26 ต.ค. 50
เจ้านายคะ
กว่าเจ้านายจะได้เห็นจดหมายฉบับนี้ หนูคงจากมาไกลมากแล้ว แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ตั้งแต่ทำงานมาเจ้านายไม่เคยทำอะไรให้หนูต้องน้อยเนื้อต่ำใจเลย ถึงแม้ว่าหนูจะมาทำงานสายบ้าง ชงกาแฟให้นายโดยพลั้งเผลอคิดว่าเกลือเป็นน้ำตาลบ้าง แต่หนูก็ไม่เคยเก็บเอามาคิดเล็กคิดน้อย เพียงแต่ในครั้งนี้เป็นโอกาสเดียวที่หนูจะได้ไปทะเลพร้อมกับ..ผู้ชายกลุ่มใหญ่ หวังว่านายคงไม่คิดว่าหนูทอดทิ้งงานนะคะ สุดท้ายนี้ขอให้นายรักษาสุขภาพให้แข็งแรงนะคะ แล้วหนูจะซื้อโออิชิกรีนทีที่เจ้านายชอบมาเป็นของฝากค่ะ
รักเจ้านายเสมอ จุ๊บ จุ๊บ
พจเองค่ะ

ปล. ถ้าหนูไม่กลับมาหลังจากวันที่ 28 ต.ค. ก็ขอให้นายคิดเสียว่าเรามีวาสนาต่อกันเพียงเท่านี้ และหนูคงได้พบคนที่ตามหาแล้วล่ะค่ะ ไม่ต้องแจ้งความนะคะ เพราะทาง F M one ไม่ได้ล่อลวงหนูไปแต่อย่างใด

10. คำถามข้อสุดท้าย คุณคิดว่าเราจะถามว่าอะไร
รับขนมจีบ ซาลาเปาเพิ่มไหมคะ?

งวดนี้ตั้งใจส่งไปเล่นๆ นะ เพราะว่าวันที่ไปคือ 26 - 28 ต.ค. นี้ ดันตรงกับวันที่จะไป OD กับโรงพยาบาลอ่ะดิ ถ้าได้ก็ทุกขลาภเลยเนี่ย

Saturday, September 29, 2007

When 18 มงกุฏ comes to me

เมื่อวันก่อนมีโทรศัพท์เข้ามา

บอกว่าคุณคือผู้โชคดีโดยการสุ่มหมายเลขโทรศัพท์ได้รับรางวัล 59,000 บาท จากบริษัท DK

เราก็ยังงงๆ (เพราะกำลังทำงานอยู่) ก็ถามว่าอะไรนะ? บริษัท? (ไม่เคยได้ยิน)

เค้าก็เลยบอกว่าบริษัทเป็นผู้ผลิตอะไหล่โทรศัพท์มือถือยี่ห้อต่างๆ เช่น โนเกีย ซัมซุง

ตอนนี้มีการคืนกำไรให้กับลูกค้าด้วยการสุ่มเบอร์โทรศัพท์

หลังจากนั้นก็สอบถามชื่อ นามสกุล แล้วก็ที่ทำงาน

เราก็เริ่มสนุกว่าจะมาอีไม้ไหน

รู้สึกเค้าจะไม่ค่อยสนใจชื่อนามสกุลเท่าไหร่ เพราะไม่ยักถามตัวสะกด แถมทวนชื่อซ้ำก็ผิดซะอีก

จากนั้นก็บอกว่า เนี่ยจะส่งเงินให้โดยการโอน จากนั้นก็ถามชื่อธนาคาร และเลขที่บัญชี

ยังไม่ทันบอกเลขที่ ก็ถามมาซะก่อนว่าบัญชีนี้มีบัตร ATM หรือเปล่า?

เราก็บอกว่าไม่มี

เลยมีเสียงทำนองว่าสายหลุด เลิกการติดต่อเข้ามาแทน

แหม.....เสียดาย

หันไปมองรอบข้าง ทุกคนเริ่มวิจารณ์แล้วว่าเนี่ย เกือบถูกหลอกแล้วมั๊ยล่ะ

ยังไม่ทันเล่าเรยนะเนี่ย.....พวกเอ็งรู้ได้งัยฟะ -_-'

เอาเหอะ..หักเหลี่ยมเฉือนคมกับพรรคพวกที่ทำงานและคนไข้อยู่ทุกวัน จะโดนหลอกง่ายๆ ให้มันรู้ไปดิ

Tuesday, September 18, 2007

โฮ๊ย.....รถไฟชนกัน ทำไงดี

รถไฟในที่นี้ไม่ได้หมายถึงหนุ่มๆ หรอกนะ

แต่ดันเป็นบรรดาทริปทั้งหลายปลายปีนี้ต่างหาก ที่ประดังกันเข้ามาใส่

อยู่โรงพยาบาลก็โดนถามอยู่ทั้งวันเรื่องไป OD ของ รพ. ที่แก่งกระจาน เพราะเรารับจัดคนเข้าบ้านพัก เดี๋ยวคนนั้นขอนอนกับคนนี้ คนโน้นไม่ถูกกับคนนี้.....ฮ่วย

เพื่อนๆ ก็ผลัดกันโทร ทั้งทริปกระบี่ ทริปเวียตนาม (โชคดีที่ทั้ง 2 ทริปไม่ต้องช่วยทำอะไรเลย)

คนไข้ก็ยังเยอะ.....และมีน้องเภสัชลาไปคนนึงทั้งอาทิตย์

เลยงง ต้องตั้งสติทุกทีว่าคุยกันเรื่องทริปไหน (ฟะ) เนี่ย

ตอนนี้คงต้องทำตัวเหมือน CEO Dtac

พูดได้คำเดียว

"ได้คร๊าบ จะจาดห้ายคราบ"
ทริปแก่งกระจาน 27 - 28 ต.ค. 50
ทริปกระบี่ 16 - 18 พ.ย. 50

ทริปเวียตนาม 1 - 10 ธ.ค. 50

Monday, September 17, 2007

Tag ท่องเที่ยว


1) ทริปไหนประทับใจที่สุด และประทับใจอะไร ถ้าให้ไปไปอีกมั๊ย....และที่สำคัญ อยากพาใครไปด้วย...

จริงๆ แล้วประทับใจทุกทริปแหละ ประมาณว่าแต่ละทริปจะมีอะไรนิดๆ หน่อยๆ ให้ประทับใจ กลับมาเล่า ทั้งที่ตอนแรกก็แค่ออกปากเล่า ต่อมาเริ่มสนุกและเริ่มจำทริปเก่าๆ ไม่ได้ เลยเขียนเป็นบันทึกการท่องเที่ยวนี่แหละ

แต่ถ้าจะให้บอกว่าประทับใจที่สุดจะเป็นทริปภูหลวง จ. เลย ที่กระแดะจัดเองเป็นทริปแรก ตั้งแต่หาข้อมูล ทำหนังสือขออนุญาตขึ้นภูหลวง และก็ติดต่อรถตู้ ตอนนั้นมีเพื่อนไปหลายคนมากเกือบเต็มคันรถ กว่าจะไปถึงภูหลวงก็หลงและไปเส้นอ้อมซะ พอไปถึงปรากฎว่าเขาบอกว่าไม่ได้รับหนังสือขออนุญาตและที่พักข้างบนภูเต็ม หรืออะไรนี่แหละ จะขึ้นไปดูก็ต้องรอรถลงมารับซึ่งก็เย็นมากแล้ว สรุปก็คือพวกเราได้แค่ถ่ายรูปกับป้าย!!

ตอนนั้นรู้สึกผิดสุดๆ ที่พักก็ไม่ได้หาไว้ล่วงหน้า ต้องเข้าไปนอนกันในเมือง แต่ก็ไปเจอที่เที่ยวคือ กุ้ยหลินเมืองไทย หรือสวนผาหินงาม ที่เข้าไปเหมือนกับเป็นเขาวงกตที่ทำด้วยหิน พอออกมาเจอถ้ำกะเทย..คือถ้ำที่เพิ่งจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวและมีกะเทยพาเข้าชม ก็เข้าไปเดินกัน ก็สนุกอีก ยังมีแวะอีกหลายที่ๆ ไม่ได้อยู่ในแผนมาก่อน อย่างไร่องุ่นทำไวน์ หรือสวนส้ม แล้วก็มาแวะภูเรือ

เป็นทริปที่มั่วมาก แต่ทุกคนก็สนุก ได้แต่นึกในใจว่าถ้ายังจัดมั่วแบบนี้อีกคงไม่โชคดีให้เพื่อนสนุกซ้ำ 2 แน่

ถ้าให้ไปไปอีกมั๊ย?......คงต้องตอบว่าไปได้นะ เพราะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่คงไม่เลือกเป็นเป้าหมายแรกเพราะที่เที่ยวที่อื่นที่ยังไม่เคยไปมีอีกเยอะ

อยากพาใครไปด้วยก็คงเป็นแก้งค์เก่าทุกคน พากันไปรื้อฟื้นความหลังที่ตั้งใจจะไปภูหลวง (งวดนี้คงต้องขึ้นไปกันจนได้)

2) ทริปที่สยองที่สุด หรือ ตื่นเต้นที่สุด(ในกรณีไม่มีทริปสยอง) อะไรทำให้สยอง หรือ อะไรทำให้ตื่นเต้น ให้ไปอีกเอามั๊ย และจะพาใครไปผจญด้วย...แบบว่าให้มีตัวช่วยคนนึง อิอิ.....

ทริปสยองไม่มี เพราะไม่ได้ไปเที่ยวอะไรที่มันอันตรายหรือไปพบเหตุการณ์อะไรแบบนั้น

แต่ที่ตื่นเต้นจะเป็นทริปนิวซีแลนด์ที่ถือว่าไปต่างประเทศจริงๆ ครั้งแรก (ไม่นับลาวที่ข้ามไปเที่ยว 3 - 4 ชั่วโมง)ตื่นเต้นตั้งแต่ขึ้นเครื่องบินที่ไม่เคยขึ้น ไปเจอสถานที่ เจอคนต่างบ้านต่างเมือง แล้วก็ต้องคอยระแวงว่าจะหลงกับพวกหรือเปล่า จะถูกทิ้งหรือเปล่า ไม่งั้นคงหงิกแน่ และที่ตื่นเต้นที่สุดก็คือไปในที่ไม่เคยไปและไม่คิดฝันว่าจะได้ไปนี่แหละ

ให้ไปอีกก็เอานะ ถ้าจะมีใครออกค่าใช้จ่ายให้ (ถ้าออกเองคงต้องเก็บเงินอีก 3 - 5 ปี)

ส่วนจะเอาใครไปด้วยนี่ ดูจากทีวีแล้วเป็นอ้นสราวุธก็น่าจะดีนะ แต่ในความจริงเป็นทีมเก่าที่มีจุ๋ยเป็นทั้งไกด์และคนขับรถก็ OK แล้วล่ะ (ถ้ามันยังชวนไปอีกอ่ะนะ 555)

Saturday, September 15, 2007

~**Photch in Blog**~ 1 year anniversary

11 ก.ย. 50 ครบรอบวันเกิดบล๊อค


แวะไปอ่านใน 1 ปีที่ผ่านมา มีเรื่องราวมากมายที่บางเรื่องก็ลืมไปแล้ว บางเรื่องเวลาอ่านไปก็ยังยิ้มไป.............

ถึงจะไม่ค่อยมีแขกเข้ามาเยี่ยมชมก็เถอะ

365 วันที่ผ่านมากับการเก็บความทรงจำดีๆ ไว้บางทีก็ทำให้หายเครียด หายเหนื่อย หายเหงา บางทีก็หายเศร้าได้ด้วย


Diary on line - ความทรงจำไม่มีวันละลาย (ถ้าserver ไม่พังซะก่อน) ^-^

Friday, September 07, 2007

เพชรริมธารรีสอร์ท แก่งกระจาน

วันนี้ไปเพชรบุรีมาล่ะ

ดันหลวมตัวไปเข้าร่วมกับทีมงาน OD ของที่ ร.พ.

เลยต้องไปดูสถานที่ที่จะจัดกิจกรรม

ที่จริงที่ประชุมสรุปกันแล้วว่าปีนี้เลือกไปเขื่อนแก่งกระจานกัน เพราะมีกิจกรรมให้ทำหลายอย่าง เช่น ล่องแก่งด้วยแพยาง ล่องเรือชมเขื่อน หรือ ถ้ามีโอกาสก็จะได้ไปดูทะเลหมอก หรือไปถ้ำเขาเตาหม้อ อีก

เหลือแต่ไปดูสถานที่ว่าเหมาะกับหมู่คณะของพวกเราหรือไม่

ออกจาก ร.พ. 7.00 น. แต่รับคนโน้นบ้างคนนี้บ้างตามทาง รวมแล้วเต็มรถตู้พอดี กว่าจะไปถึงก็ 10.30 น.

เดินดูบรรยากาศรอบๆ แล้วก็ตัวบ้านพัก ก็ดีนะ งานนี้เราทำหน้าที่เป็นตากล้อง


เหลือแต่ต่อรองราคาที่ใช้เวลานานหน่อย ทางรีสอร์ทเลี้ยงข้าวด้วย แต่รสชาติธรรมดา (ให้ 2 ดาว)
สรุปว่าหักคอเค้าจนเหลือหัวละ 1,100 บาท ทั้งหมด 2 รุ่น รุ่นละประมาณ 150 คน เค้าก็ยังได้โขอยู่

เสร็จสรรพเราก็เตรียมกลับกัน ผ่านเขื่อนแก่งกระจานและไม่ลืมที่จะแวะ out-let เพชรบุรี งวดนี้น่าแปลกที่เราไม่ได้ซื้ออะไรเลย




ได้แต่ซื้อของกินกลับมาบ้านโขอยู่ เพราะน้องชาย "ลูกน้อยสุดที่รักของแม่" เขากลับบ้าน
กลับถึง ร.พ. 18.00 น.

Tuesday, September 04, 2007

Tag ของโปรด

แหม ให้คิดประเภทละ 3 อย่างเนี่ยปวดหัวเรย เพราะอะไรก็โปรดทั้งนั้น เอาแบบสุดๆ ที่นึกออกก็แล้วกัน

ส่วนวิธีทำ ให้แม่ครัวเค้าจัดการเหอะ อย่างพวกเราอ่ะ รู้ไปก็ป่วยการ...........

3 อาหารคาว


1. แกงมัสมั่นเนื้อ ชอบกินที่แม่ทำมากๆ เพราะมีแต่เนื้อ...ไอ้ตัวเราก็ไม่ค่อยชอบกินผักอยู่แล้วอ่ะ ฮู้ย พูดแล้วอยาก


2. กุ้งก้ามกรามเผา บ้านอยู่ริมแม่น้ำก็ต้องชอบกินกุ้งดิ เมื่อก่อนพ่อตกได้ทีละเป็นโล ก็เอามาเผากินกันพ่อแม่ลูก เยอะขนาดทำเป็นกุ้งแห้งก็ยังมีเลย


3. ก๋วยเตี๋ยวเรือ ติดใจตอนเด็กที่กินชามเล็กๆ (แต่หลายชาม) และรสชาติเป็นเอกลักษณ์ของก๋วยเตี๋ยวเรืออ่ะ

3 อาหารหวาน



1. ขนมเค้ก ชอบมากถึงมากที่สุด แต่กินแล้วก็อ้วนเป็นหมูเนี่ย นานๆเลยต้องกินที แต่ถ้าจะให้เลิกล่ะ ยอมอ้วนตายดีกว่า


2. กล้วยหอมทอด ชอบตั้งแต่ตอนไปกินอาหารเวียตนามครั้งแรก แล้วก็เคยกินคนเดียวได้มากสุด 4 ลูกครึ่งแน่ะ
3. ลูกชุบ ติดใจตรงสีสันฉูดฉาด แล้วก็เจลาตินที่เคลือบ กินแล้วหนุบๆ

3 น้ำ
1. น้ำเปล่า ที่บ้านจะไม่ยอมให้กินน้ำอัดลม เลยเลือกกินน้ำเปล่าตั้งแต่เล็ก.........ชื่นใจดี
2. นม โตจนป่านนี้ยังไม่อดนมเลย....ขอบอก ถ้าหิวๆ ก็กิน บางทีก็กินแทนน้ำ กินๆ ๆ จนอ้วน ช่วงนึงก็เลยเปลี่ยนเป็นนมพร่องไขมัน......แหวะ รสชาติสุดทน เลยเปลี่ยนไปเป็นนมเปรี้ยว แล้วก็พวกน้ำลูกเดือย ถ้าหาไม่ได้จริงๆ (และบ่อยๆ) ก็กลับมากินนมเหมือนเดิมแหละ
3. ชาเย็น จะกินอร่อยต้องกินร้านคุณป้อมท่านาเรย แต่ต้องไม่ใส่น้ำแข็งนะ

Monday, September 03, 2007

TaG กระเป๋า

โหย ถือกระเป๋าอยู่ทุกวัน ไม่ค่อยรู้เหมือนกันแหละว่ามีอะไรในกระเป๋าบ้าง
เพราะเอาแต่ยัดๆ เข้าไปอย่างเดียว นาน น้าน ถึงจะรื้อมาจัดซะที

แต่เอาเหอะ ดูในรูปเอาได้เรยจ้า

1. organizer สมุดจดสารพัดอันนี้ ใช้มา 3 ปีกว่าแล้ว ได้เป็นของขวัญรับปริญญาโท แบ่งเป็น 4 ส่วน คือส่วนใส่นามบัตร สมุดโทรศัพท์ ปฏิทิน month planner และสมุดโน้ต ไอ้ตัวปฏิทินอ่ะ เปลี่ยนเอาเองทุกปีเอาไว้จดเวร และคิวเที่ยวต่างๆ

2. พวงกุญแจ มีทั้งกุญแจรถ กุญแจบ้านพัก รพ. กุญแจห้องยา และกุญแจตู้บริจาคของ รพ. (อันสุดท้ายเนี่ย เป็นจ๊อบอย่างหนึ่ง ว่างๆ ก็ไปเปิดตู้บริจาคเอาเงินออก)

3. ถุงเครื่องราง อันนี้ซื้อตอนไปซื้อเครื่องบวชน้องชายแล้วเห็นว่าน่ารักดี คนขายบอกว่าเอามาจากศาลเจ้าที่ฮ่องกงหรือสิงคโปร์เนี่ยแหละ มียันต์ของศาลเจ้าอยู่ในถุง ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเขียนว่าโชคดี สุขภาพแข็งแรง การงานก้าวหน้า
4. ซองใส่กระดาษทิชชู่ เป็นผ้าไหมได้จากบริษัทยาตอนทำกิจกรรมครั้งแรกตอนปี 1


5. โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง เพราะมักจะลืมเอาไป 1 เครื่อง หรือแบตหมด 1 เครื่อง เสมอ

6. สาย small talk ที่เวลาจะใช้ก็ต้องจอดรถก่อนอยู่ดี เพราะต้องไปสางให้มันกลายเป็นเส้นตรงๆ แล้วก็แงะอะไรก็ตามที่ติดอยู่ตามสายออกให้หมด

7. กระเป๋าใส่เศษตัง ตั้งแต่ใช้มายังไม่เคยซักเรย



8. ยา ช่วงนี้พกติดตัว เป็นยาแก้ท้องเสียทั้งชุด เพราะท้องเสียบ่อย เกิดจากกินไม่เลือก แต่ดูๆ ไปก็เหมาะจะอยู่ในกระเป๋าของเภสัชฯน่ะนะ


9. กระเป๋าใส่ดินสอ ข้างในมีดินสอกับปากกา ที่มีมั่งไม่มีมั่ง ไม้บรรทัดเหล็ก แล้วก็ flash drive 2 ตัว รวม 1.5 GB


10. กระเป๋าตัง คนส่วนใหญ่ว่ามันจำเป็นที่สุด แต่เคยแบกกระเป๋าถือไปไหนๆ โดยไม่มีกระเป๋าตังไปด้วย บางทีก็ลืมไว้ตามโต๊ะทำงานนั่นแหละ


11. บัตรลดราคาร้านของกิน ถ้ามันใหญ่เกินว่าจะใส่กระเป๋าตังก็จะยัดๆ ลงไปในกระเป๋า รอจนกว่าจะรื้อกระเป๋าอีกครั้งน่ะแหละถึงนึกได้ว่ามีมันด้วย บางทีก็มีประโยชน์ใช้ห่อผ้าอนามัยแก้ขัดได้เหมือนกัน

Monday, August 27, 2007

DJ ซ่า จ๊ะจ๋า on air


"สวัสดีค่ะท่านผู้ฟัง รายการที่ท่านกำลังรับฟังอยู่ในขณะนี้คือรายการคลื่นสุขภาพชุมชน รายการสุขภาพเพื่อคนรักสุขภาพ โดยทีมงานเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลห้วยพลู ออกอากาศทุกวันในเวลา 8.00 – 9.00 น. ทางสถานีวิทยุ FM 92.25 MHz สำหรับวันนี้ ดิฉัน ภญ.พจนารถ โตประศรี รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการค่ะ"



ไม่นึกเล้ยว่าจะไปจัดรายการวิทยุกับเขามาได้กว่า 1 ปีแล้ว เพราะจะว่าไป ไม่มีทักษะทางด้านนี้เลย พูด "ร" "ล" ยังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ และส่วนใหญ่จะเป็นการอ่านมากกว่าพูดซะด้วยซ้ำ แต่ก็เอาวะ ถือเป็นหน้าที่อย่างนึง ไปก็ไป........



หลังจากทำรายการมาเป็นปี บางครั้งต้องไปจัดรายการคนเดียวไม่มีพิธีกรคู่ (ซึ่งแรกๆ จะประสบปัญหาพูดติดต่อกันแล้วหายใจไม่ทัน...........เกือบตาย) เดี๋ยวนี้เลยเริ่มสนิทกับเจ้าหน้าที่สถานี ที่ทำหน้าที่เปิดเพลงให้



เลยขอเพลงได้ตามใจฉัน



และคนฟังถ้าเป็นคนที่รู้จักกันดีก็จะรู้ว่าเป็นเราจัดเพราะจะมีเพลงประมาณว่า

"อยากให้ช่วยมาจีบ มาจีบ ชั้นที.........." จีบฉันที (แบล๊กวานิลา)

หรือ "โปรดส่งใคร้มารักช้านที.............." โปรดส่งใครมารักฉันที (Instinct)



ช่วงนี้หลังจากไปเยอรมันตะวันแดงมา ก็ไปติดใจเพลง "สัญญาหน้าฝน" ของคาราบาว



เลยมั่วนิ่มเปิดในหน้าฝนได้



แต่ยังไม่กล้าเปิด "ทำบุญร่วมชาติ" ของ ชาย เมืองสิงห์ ที่ตอนฟังที่โรงเบียร์ก็มันดี แต่พอฟังจาก mp3 แล้วยังมีกลิ่นโบ (ราณ) อยู่



เลยไม่ขอให้เค้าเปิดให้ เพราะผิด concept คือ ไม่เข้ากับหน้าตา



แต่ก็นะ ได้หลีกหนีการจ่ายยาไปครึ่งชั่วโมง เลยไม่ค่อยน่าเบื่อเท่าไหร่ แถมยังได้ความรู้เรื่องที่พูดไปอีกด้วย



เสียดายที่เวลาของทางสถานีช่วงนี้ ไม่ค่อยมีหนุ่มๆ ฟัง



เลยไม่มีใคร "ช่วยมาจีบ มาจีบ ชั้นที..." แบบในเพลงที่ขยันเปิดกรอกหู



............พยายามต่อไป ดี เจ พจ.................................


Friday, August 24, 2007

รายการเจาะใจแก้งค์ลูกยาง 1


พิธีกร สวัสดีค่ะ ที่นี่คือรายการเจาะใจ (ใส่ไข่เล็กน้อย) ถึงลูกถึงคน วันนี้เราจะมาสัมภาษณ์สดผู้บริหารรายล่าสุดที่ประกาศสละโสดกลางทริปกระบี่กันนะคะ

พิธีกร : ไม่ทราบว่าตอนนี้รู้สึกยังไงบ้างคะกับ coming soon wedding?

เอก : ตื่นเต้นเหมือนกัน ว่าถึงตาเราแล้วเหรอเนี่ย

พิธีกร : ใช้เวลาในการตัดสินใจลงจากคานนานแค่ไหน?

เอก : ประมาณ 1 ปี ที่ผ่านมา แต่บางช่วงก็ไม่อยากแต่ง แต่บางช่วงก็อยากแต่ง ขึ้นๆลงๆ


พิธีกร : อยากให้ช่วยเล่าคร่าวๆ ถึงเจ้าสาวคนนี้ ว่าเป็นใคร ทำงานอะไร ฯลฯ (เอาสั้นๆ แต่ละเอียดๆ)

เอก : ทำงานที่บริษัทเดียวกันนี่แหละ ไม่ได้ไปหาไกล กลัวเปลืองค่าน้ำมันรถ ค่าโทรศัพท์ ก็เห็นๆกันอยู่ไม่ได้ไปเถลไถลที่ไหน เรามั่นใจในตัวเองอยู่แล้วว่ามั่นคง (หรือเปล่า)

พิธีกร : แล้วคบกันมากี่ปีแล้วคะ?

เอก : ประมาณ 3 ปี ได้มั้ง (หากให้ชัวร์ต้องถามน้องเค้าอีกที เพราะไม่แน่ใจว่าเริ่มรู้สึกดีๆมากกว่าพี่และน้องเมื่อไร)

พิธีกร : ประทับใจอะไรในตัวแฟนมากที่สุด?

เอก : ความเอาใจใส่ครับ เค้าน่าจะดูแลในส่วนที่เราขาดไปได้ (คมไหม?)

พิธีกร : กำหนดวันจัดงานได้หรือยังคะ และคิดว่าจะจัดที่สถานที่ไหน?

เอก : วันแต่งจริงๆ คือ 15 ม.ค แต่งานเลี้ยงศุกร์ 18 ม.ค 50 ที่ รร.ริเวอร์ นฐ ครับ

พิธีกร : เลือกสถานที่ฮันนีมูนรึยังคะ ว่าเป็นที่ไหน และอีกคำถามเผื่อเพื่อนๆ แก้งค์ปาก..เอ๊ย ลูกยาง ว่าถ้าเอาพวกมันไปฮันนีมูนด้วยจะเลือกสถานที่ไหนคะ?

เอก : ฮันนีมูน หากเมืองไทยก็อยากไปดอย เพราะน้องเค้าไม่เคยขึ้นดอย หากเมืองนอกประมาณสวิส (สงสัยหลังแต่งคงต้องเก็บเงินใหม่ก่อน) ส่วนเพื่อนๆไปด้วย แน่นอน จะพยายามลากน้องเค้าไปให้ได้บ้างสักครั้งละ

พิธีกร : สำหรับคำถามสุดท้ายนะคะ มีอะไรจะฝากถึงเพื่อนๆ ในกลุ่มที่ยังไม่ได้แต่งงานบ้างมั๊ยคะ?

เอก : ขึ้นอยู่กับมีคบใครไว้หรือเปล่า หากคบไว้และคิดว่าเค้าเติมเต็มในส่วนที่เราขาดได้ก็แต่งได้นะ ไม่เหงาดี แต่หากมีเพื่อนๆเหนียวแน่นมักไม่ค่อยมองหาแฟนเท่าไร (จริงไหม) เพราะหากถามว่าแฟนกับเพื่อนอันไหนคบสบายใจกว่าคงตอบว่าเพื่อน เพราะเพื่อนไม่ต้องคอยเอาใจ แต่แฟนไม่ได้เลย ละเอียดอ่อนมาก

พิธีกร : รายการเจาะใจเฉพาะกิจ (เปลี่ยนชื่อเรื่องได้หน้าตาเฉย) คงต้องหมดเวลาเพียงเท่านี้ สำหรับรายการหน้าเราจะมีการสัมภาษณ์นักเขียนหน้าใหม่ ติดตามกันได้ทางเมล์นะคะ

Friday, August 17, 2007

Making sense of the science and practice

ไปอบรมฟื้นฟูความรู้ในหัวข้อนี่แหละมา 3 วัน 15 - 17 ส.ค. 50
จัดที่โรงแรมเรดิสัน พระราม9
วันที่ 15 เดินทางแต่เช้าเลยไม่กินข้าวไป กว่าจะถึงโรงแรมก็ 8.15 หิวมั่กๆ ช่วงพักเบรกแรกเลยฟาดเค้กของโรงแรมซะ 3 ก้อน

2 สาวปุ๊ยกับตุ๋มที่ไปด้วยถึงกับตาโต ๐_O

ไม่คิดว่าเพื่อนจะเปี๊ยนไป๋ขนาดนี้

เอาเหอะ......คนมันหิวอ่ะ

ตอนเที่ยง เป็นข้าวกล่องให้กินไปนั่งฟังบรรยายไปในห้องประชุมอีกต่างหาก..........โอ้พระเจ้า เป็นการอบรมที่รันทดจริงๆ

แต่ก็เหมือนทุกทีคือ ฟังมั่ง หลับ(ซะมากกว่า)มั่ง

ตื่นขึ้นมาก็ชวนเพื่อนๆ คิดโปรแกรมตอนเย็น........

ได้ความว่าจะไปช้อบปิ้งกันที่แพลทตินั่ม ประตูน้ำ ^_^

ตกเย็นก็ไปเดินหาแท็กซี่พากันไป........

แท็กซี่ดันไปไม่ถูกอีก ต้องใช้วิธีโทรถามเพื่อน 4 คน ที่มีประโยชน์แค่คนเดียว

เอาเหอะ ไปถึงเป็นใช้ได้

งานนี้เดินขาลากอยู่นาน ได้กระโปรง 1 ตัวและชุดลองจอนเตรียมไปเที่ยวหน้าหนาวอีก 1 ชุด

จากนั้นก็หาข้าวกินเป็นอันหมดวัน

...............................................................................................

วันรุ่งขึ้นหลังจากหมดโปรแกรมฟังมั่งหลับมั่ง ไปตามประสา ก็ถึงเวลาโปรแกรมที่เตรียมไว้ตั้งแต่สมัครอบรม

นั่นคือให้จุ๋ยพาเที่ยวตระเวณราตรี ซึ่งไกด์กิตติมศักดิ์เสนอว่าจะไปโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง

อ่ะ.......ไปก็ไป

ที่จริงก็เกรงใจ 2 สาวผู้เรียบร้อยอยู่เหมือนกันว่าคงไปเคยไปสถานที่ประมาณนี้ แต่สุดท้ายก็ลากกันไปจนได้

มีพี่ยี้มาร่วมแจมตอนหลังอีก 1 คน

โหย จะว่าไปถ้าไม่สั่งเบียร์ มันก็คือร้านอาหารดีๆ นี่เอง เสียแต่คนคึกคักมากกว่า

และมีโชว์ประกอบเพลง และมีนักร้อง (เสียงดีมาก) คอยกล่อมเวลากิน

อาหารก็อร่อย อย่างขาหมูทอด

ไม่คิดว่าตัวเองจะมานั่งเลาะหนังหมูกินได้นะเนี่ย....(มันกรอบอ้ะ)

อ้วนอีกแระ.........T-T

และอย่าถามเชียวนะว่าไปอบรมเนี่ย making sense อะไรมาได้บ้าง

.......ตูก็ยังโง่เหมือนเดิมน่ะแหละ..................เฮ้อ



Monday, August 13, 2007

tag 5 สถานการณ์ที่ลืมไม่ลง


เนื่องจาก tag ที่แล้วๆ มาจะมีคำถามแบบใกล้เคียงกัน (แบบสถานการณ์เฉียดในชีวิต ที่สุดของเหตุการณ์ ฯลฯ) จะเล่าสิ่งที่อ่านแล้วประทับใจแบบต่างๆ ของเรื่อง “หัวขโมยแห่งบารามอส” ทั้ง 4 ภาค แทนละกัน หวังว่าคนส่ง tag คงไม่โกรธ (ที่จริงจะเอาเรื่องโคนันแระ แต่มันมีตั้ง 50 กว่าเล่มแล้วขี้เกียจไปเปิดดูว่าจะเล่าตอนไหนดี)

1. แฮ้ปปี้จนลืมไม่ลง
ก็ต้องเป็นตอนจบที่ภาค 4 “ดาบแห่งกษัตริย์” ที่ตัวเอก เฟรินและคาโล happy ending แต่กว่าจะง้อกันได้ ก็ลุ้นอยู่เหมือนกันว่าจะมี ตบจูบ หรือเปล่า
แล้วก็เขียนจนนึกภาพออกว่าเจ้าชายน้ำแข็ง มาดนิ่งอย่างคาโล บอกรักสาวยังไง

2. so sad จนลืมไม่ลง
ยังอยู่ที่เล่ม 4 ตอนที่เฟรินเข้าใจว่าคาโลตายไปแล้ว เพราะสู้เพื่อปกป้องเธอในสงครามกษัตริย์ จนเฟรินต้องกลับไปทำใจอยู่ในแดนปีศาจตั้งนาน หลังจากนั้นพอรู้ว่าคาโลยังมีชีวิตอยู่ เฟรินก็รีบไปหาแต่กลับพบว่าเขามีสาวอื่นอยู่เคียงข้างซะแร้ว

3. ไม่อยากเจอจนลืมไม่ลง
ไปที่เล่ม 3 “แหวนแห่งปราชญ์” ที่เฟรินถึงกับเรียกว่า “ไอ้แหวนบ้า” เพราะแหวนตัวปัญหาของเล่มนี้ทำให้เฟรินที่ขโมยเค้ามาใส่ต้องสับสนว่าเป็นความฝันหรือความจริง เกี่ยวกับภัยพิบัติที่ตัวเองได้พบ ซึ่งคนอ่านก็ขมวดคิ้วหลายรอบด้วยความงงกว่าเรื่องจะขมวดปมสรุปออกมาได้ แล้วก็ขมวดอีกท่าไหนก็ไม่รู้เพราะจบโดยที่เฟรินซึ่งเป็นตัวสร้างความยุ่งเหยิงแบบไม่ใช้สมอง กลับคิดแก้ปัญหานี้ได้ด้วยตัวเอง เอาเป็นว่าไอ้เวทมนตร์คลอบงำจิตใจแบบที่แหวนมันทำเนี่ย ไม่อยากเจอกับตัวเองละกัน

4. หวาดเสียวจนลืมไม่ลง
เป็นฉากหวาดเสียวของเล่ม 1 “มงกุฎแห่งใจ” ที่นำไปสู่เรื่องราวของเล่มต่อๆ ไป เป็นการต่อสู้ระหว่างพลังมารที่สิงอยู่ในมงกุฎแห่งใจกับนักเรียนปี 1 ของโรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์ก ที่จะว่าไปก็เรียกว่าเป็นพวกมือใหม่ แต่เก่งเป็นบ้า (ตามประสาตัวเอก เรื่องนี้ก็มีกลิ่นละม้ายๆ Harry Potter อยู่ไม่น้อย ที่เด็กๆ ต้องออกโรงสู้เอง ส่วนผู้ใหญ่มืออาชีพจะมาช่วยตอนจบ)

5. น่าเบื่อจนลืมไม่ลง
เรื่องน่าเบื่อที่สุดเห็นจะเป็นความผิดซ้ำแล้วซ้ำอีกของตัวเอกคือเฟริน ในเล่ม 2 “คทาแห่งพลัง” ที่ผู้เขียนขยันใส่มุขเดิมๆ ให้เฟรินแหกด่านคุณธรรมทั้ง 5 ของเมืองปีศาจ แบบแนวเดียวกันทั้งหมด คือเค้าห้ามอะไรไว้ พ่อนี่เป็นต้องฝ่าฝืนไปทุกเรื่อง ทั้งในเมืองหน้าด่าน เมืองยักษ์ ป่าหลงลืม หุบเขาหัวกะโหลก และนครจันทรา ซึ่งนำความเดือดร้อนมาให้กับเฟรินเองและเพื่อนๆ ที่ไปด้วยกัน (ก็ถึงว่าทำไมเดินทางด้วยกันหลายคนนัก) เรียกว่า ถ้าเฟรินไม่มีตัวช่วย โดยเฉพาะคาโล พระเอกขี่ม้าขาวล่ะก็ สงสัยจะได้ตายไปหลายรอบ

Monday, August 06, 2007

JJ mall shopping center


วันเสาร์ที่ผ่านมาพอขายยาเสร็จก็ไปช้อปต่อกับอ๋อยที่ JJ mall จตุจักร

อาศัยว่าแท็กซี่เก่าอย่างอ๋อยคุ้นเคยกับเส้นทางในกรุงเทพฯ ดี

เลยชวนไปซื้อกระโปรงที่คับติ้วเกือบทุกตัวแล้ว

และแม่ก็ระอาไม่ยอมตัดให้ใหม่ แต่บอกให้ไปลดน้ำหนักแทน

โชคดีที่ใช้ข้ออ้างว่าจะไปอบรมกลางเดือนนี้ เลยได้รับอนุมัติให้ซื้อเสื้อผ้าใหม่ได้

หลังจากที่เราวนรถหาที่จอดกันเกือบครึ่งชั่วโมง

ตอนเข้าไปในห้างคิดว่าเสื้อผ้าจะเยอะสุดๆ แบบที่ประตูน้ำ แต่ก็ผิดหวัง

เพราะมีทั้งหมด 4 ชั้น ชั้นใต้ดินจะเป็นพวกของกระจุกกระจิก

ชั้น 1 ชั้นเดียวที่เน้นเสื้อผ้า

ส่วนชั้น 2 และ 3 ส่วนใหญ่จะเป็นของแต่งบ้าน

ไปเดินในชั้นเสื้อผ้าแป๊บเดียวก็เจอร้านเสื้อไซส์ใหญ่แบบที่อ๋อยชอบ

ระหว่างรออ๋อยเลือกก็สอดส่ายสายตามองหากระโปรง....เป้าหมายของการช้อปคราวนี้

ไปเจอเอาร้านฝั่งตรงข้ามที่เป็นเจ้าของเดียวกัน

ปิ๊ง กระโปรงสีม่วงไฮโซเอวยืดที่น่าจะใส่ได้ จากนั้นไปเหล่ๆ ที่ไม้แขวน

อู้.......มีกระโปรงเอวถึง 44 นิ้ว (อ้วนได้อีกนี่นา)

เมียงมองอยู่ซักพัก คนขายก็มาช่วยดูไซส์ให้

แม่เจ้า......มีกระโปรงไซส์เราจริงๆ ด้วย ก็เลยเลือกแบบอย่างเมามัน

ได้มาทั้งหมด 3 ตัว (รวมสีม่วงตัวเก่งด้วย)

นึกไปนึกมา......

เฮ้ย.....เดี๋ยวนี้ซื้อเสื้อผ้าร้านเดียวกับอ๋อยแล้วเรอะ T-T

Thursday, August 02, 2007

เรื่องเล่าจากที่ทำงาน

ชอบไปอ่านเรื่องในสำนักงานของหมูปิ้งใน bloggang แล้วฮาดี เลยลอกเลียนแบบมาเขียนมั่ง

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ...จวบจนปัจจุบัน และอนาคต

ที่ทำงานของเราเป็นโรงพยาบาลเล็กๆ ชนบทๆ แต่ไม่ไกลกรุงเทพฯ (มีจริงๆ นะ)

มาแนะนำตัวละคร เอ๊ย เพื่อนร่วมงานในแผนกให้รู้จักกันพอหอมปากหอมคอ (ไม่ควรหอมจริง) กันก่อน

เริ่มจากพี่หัวหน้าเป็นชายหนุ่ม สูงยาว ขาว ตี๋ แต่มีลูก 2 แล้ว ชื่อว่าพี่วิชชี่

ส่วนสมาชิกทั่วไปก็มีเรา (โสดอาวุโสสุด) ใครๆ ก็เรียกเจ๊

ถัดมาเป็นหนู วอนบิน-สาวน้อยใจร้อน เจ้าของคำฮิต "ลุยมันเรยมั๊ยเจ๊"

มีคู่หูดูโอ หมาเล็ก - หมาใหญ่

และคู่อาวุโส ตั้วเฮีย - ตั้วเจ๊

ปีนี้เรายังมีน้องใหม่อีก 2 คน คือลูกหนู และไข่นุ้ย

***************************************************************
อาทิตย์นี้มีวันหยุดราชการ 2 วัน พอเปิดมาวันพุธ โอ้ โห คนไข้ยั้วเยี้ย เอ๊ย ตรึมๆ

วันพุธ ในเวลาราชการก็ 500 คนได้

วันนี้-พฤหัส ก็สูสี ตอนกลับบ้านได้ 400 กว่าแล้ว

ตอนบ่ายต้องไปผลิตยาอีก เหนื่อยโครตๆ

เดือนนี้ไม่ได้กินข้าวโรงครัว เลยต้องหาซื้อกินเอง แล้วอะไรก็ไม่สะดวกเท่าร้านสะดวกซื้อ (แต่ไปซื้อแฟมิลี่มาร์ทนะไม่ใช่เซเว่น)

ซื้อแล้วก็เอามาแช่แข็งไว้

บังเอิญซื้อมาตั้งแต่วันอังคาร (วันหยุด) กล่องนึง ก็เลยแช่ไว้ที่บ้าน

แล้วก็ลืมไว้บ้านนั่นแหละ...........แต่ไม่อด เพราะไปซื้อใหม่แช่ไว้ตู้เย็นห้องยา

วันนี้ก็ก้มหน้าก้มตาจ่ายยาอยู่

ตั้วเจ๊แกก็พูดขึ้นว่า "พ่อมา"

แล้วก็มีเงาคนมาตรงช่องจ่ายยา

ทุกคนก็หวัดดีอัตโนมัติ

แล้วปกติประโยคนี้จะใช้กับหมาใหญ่ ที่พ่อต้องเป็นฝ่ายมาหาถึงโรงพยาบาล

จนผู้คนแซวกันว่าตั้งแต่แต่งงานก็ไปจงรักภักดีอยู่กะพ่อตา ลืมพ่อแม่ตัวเองซะแร้ว

เล่าต่อ........จากนั้นเจ้าของเงายื่นถุงใส่ของมาให้

เราก็รับแบบอัตโนมัติซะอีก

พอมองหน้าคนให้.........วันนี้ทำไมพ่อหมาใหญ่หน้าคุ้นๆ ฟะ - -'

(มาถามทีหลัง...หมาใหญ่ที่นั่งข้างหลังเรา ก็นึกเหมือนกันว่าทำไมวันนี้พ่อตูหน้าตาแปลกๆ ฟะ)

10 วิ ต่อมา

อ๊าว..พ่อตูเองนี่หว่า

(พ่อหายวับไปแร้ว)

ก้มลงมองของในมือที่รับมา.........ข้าวกล่องแช่แข็ง

คราวนี้ทุกคนเลยแซว.......โฮ้ย พ่อเขาเอาข้าวมาส่งลูกสาว "คนเดียว" ของเขา

ตอนบ่ายแม่ยังโทรมาถามอีกว่ากินข้าวยัง?

หารู้ไม่ว่าลูกสาวอ่ะ กินข้าวเวฟ เสร็จแล้วก็กินผัดหมี่ (ที่เลี้ยงคนไข้ตอนเช้า) จากนั้นก็ตบท้ายด้วยคัสตาร์ด

ตกบ่าย ไข่นุ้ยที่ไปเที่ยวทุ่งกระเจียว (พวกเราเรียกแบบเสียง ตรี )เอาหม่ำ (อาหารอีสานเป็นใส้วัวยัดใส้เนื้อวัวกับเครื่องเทศอื่นๆ) มาฝาก

ตั้วเจ๊ก็เอาไปไมโครเวฟแล้วเอามากินกัน.......กินต่ออีก

รสชาติแปลกๆ แต่ก็เอาเหอะ.....ของไม่เคยกิน

เจ้าไข่นุ้ยมาชิมดูมั่ง มันบอกว่ายังไม่สุกละมั้ง ไม่เคยกินแล้วคาวๆ แบบนี้

ตั้วเจ๊เลยไปเวฟใหม่

กินเข้าไปแล้วง่า.......

แต่พองวด 2 มา ก็กินต่ออีก

ตบท้ายด้วยไอศครีมก่อนกลับบ้านโคนนึง

ลืมไปเรยว่ากะลังปวดหัวอยู่

ถึงบ้านเลยอ้อนแม่อย่างเนียนๆ ว่าเนี่ยคนไข้เยอะ ปวดหัวด้วย

แล้วก็ทำหน้าผะอืดผะอม (สงสัยจากหม่ำ)

กินยาแล้วก็นอนแบบดับเครื่องจนถึงเวลาข้าวเย็นเลยแหละ

Sunday, July 29, 2007

วันหยุด กับ 14 ชั่วโมงนรก


วันอาทิตย์หยุดยาวคราวนี้ ไม่ได้อยู่เวรที่ รพ. แต่ต้องไปอยู่ร้านขายยาตั้งแต่ 7.30 - 21.30

14 ชั่วโมง !!

ให้เจ้าของร้านไปเที่ยว

ที่จริงก็ไม่ค่อยอยากรับงาน แต่ก็เกรงใจ .......และปลายปีเราก็จะลาไปเที่ยวแบบไม่เกรงใจบ้าง

เตรียมเช่าหนังสือไปอ่านแก้เซ็ง

ทั้งการ์ตูน และนิตยสาร

แต่อ่านครึ่งวันก็หมดแล้ว

ดีที่ช่วงบ่ายมีน้องอีกคนมาช่วย เลยได้เพื่อนคุยบ้าง หลังจากต้องฟังเสียงรถ 10 ล้อ แล่นกึงๆ อยู่ทั้งวัน

แถมยังไอเสียรถอีก ..........หน้ามันไปทั้งวันเรยเนี่ย


ฝนตกมานิดนึงแต่ไม่ทำให้คลายร้อน
ตกเย็นเลยโทรสั่งพิซซ่ามากินกันแก้เซ็ง

อ้วน.......อีกแร้วครับท่าน

Monday, July 23, 2007

ยัยตัวร้าย กับเหตุวุ่นวายในวันเสาร์


จั่วหัวซะอย่างกะหนังเกาหลี แต่ป่าวหรอก แค่อยากบ่นว่าวันเสาร์ที่ผ่านมา ไม่น่าเชื่อว่าคิวจะแน่นเอี้ยด ราวกับดาราคิวทอง เริ่มจาก
5.30 ตื่นนอน ทำธุระส่วนตัว

7.00 ขับรถไปทำงาน
7.30 ช้อบปิ้งก่อนเข้างาน ที่ตลาดนัดซอย 2

8.00 - 10.30 ขายยาร้านพระจันทร์

10.30 ไปคืนหนังสือเช่า ร้าน update


10.45 ขับรถไปถ่ายรูปกับดุษฎีบัณฑิต และมหาบัณฑิต ที่ ม. ศิลปากร ทีแรกคิดว่าต้องใช้เวลาหาแต่ละคนเป็นชั่วโมงซะแล้ว แต่โชคดีที่ไปรวมกันอยู่ในหอประชุม เลยใช้เวลาแค่ 15 นาทีก็ถ่ายรูปเสร็จ


11.30 เอาขนมไปฝาก advisor ที่คณะเภสัช oh พระเจ้า ในมหาลัยจัดระบบจราจล เอ๊ย จราจรใหม่ วนอยู่นานมากจนต้องโทรเรียกให้ อ. ออกมาเอาขนม และก็โชคดีที่แกขี่จักรยานมา เลยถือโอกาสบีบบังคับให้ไปส่งที่รถด้วยโดยไม่สนใจคำชมหลังจากหย่อนก้นบนเบาะว่า "หนักอึ้งเลย 70 โลแล้วเนี่ย"

~ ฮู้ยยยย ได้ซ้อนท้ายจักรยานหนุ่มๆ ~

12.00 ฝ่าดงรถติดแถว รพ. สนามจันทร์ ไปรับหนุ่ม (อีกคน) ที่เบ็นซ์เพชรัตน์ ไปกินข้าวที่ ตำลึงแก้ว

~ enjoy eating กะหนุ่มๆ อีกแระ ฮิ้ววววว ~

14.00 รีบบึ่งรถกลับมาจอดที่บ้านก่อนจะขึ้นรถตู้ไป central ปิ่นเกล้า

15.10 รับกรมธรรม์ที่แก้ไขแล้วที่พี่ยี้

15.25 ดูหนัง Harry Potter กะ อ๋อย ปุ๊

18.00 ไปจองคิวกินข้าวกันที่ Fuji

19.00 ได้กินซะที................โอ๊ย หิว

20.00 รออ๋อยลองเสื้อ (จนเกือบได้เอง)

21.00 กลับถึงบ้านซะที

21.00 - 21.30 ฟังแม่เทศน์ เรื่อง การจัดระเบียบตัวเอง T-T