Thursday, December 31, 2009

สรุปเหตุการณ์ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 53

สวัสดีปีใหม่ค่ะ ทุกๆ ท่าน ปีนี้ขอให้พบแต่สิ่งดีๆ สมปรารถนาในทุกสิ่งนะคะ

มาดูเหตุการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตเจ้าของบล๊อคในช่วงปี 52 ที่ผ่านมากันดีกว่าค่ะ

เดินทางไกลแบบขับรถเอง 2 ครั้ง
- ชะอำ 11 ม.ค. 52
- ปึกเตียน 14 – 15 มี.ค. 52

อบรมบ่มนิสัย ปีนี้เยอะมาก 10 ครั้ง
- นครปฐมและกทม. 7 ครั้ง
- ต่างจังหวัด 3 ครั้ง

เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก 5 ครั้ง....ยังน้อยอยู่...เฮ้อ
- ภูเก็ต 26 – 28 ก.พ. 52
- ปึกเตียน เพชรบุรี 14 – 15 มี.ค. 52
- ฮ่องกง 11 – 13 เม.ย. 52
- หัวหิน ชะอำ 8 – 9 ส.ค. 52
- ญี่ปุ่น 11 – 15 พ.ย. 52

งานแต่ง เหลืองานเดียว.......โฮกกกกกก
- สุนันท์ 4 ม.ค. 52
ที่เหลือ (รวมเราด้วย) ขึ้นทะเบียนคานทองไว้แร้ว

อื่นๆ
ปีนี้มีสิ่งประทับใจตอนไปดูแสงสีที่หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม ได้ไปช่วยกันประสานเสียง “ทรงพระเจริญ” ซ้ำแล้วซ้ำอีก ให้รู้สึกได้ว่าคนไทย “รัก” พระเจ้าอยู่หัวขนาดไหน

หมายเหตุ ยอดผู้ชายยกมาจากปี 52 = 0 และยอดยกไปปี 53 ก็ยัง = 0 อีกแล้ว....ทุกปี ทุกปี ตราบนาน...T-T

Friday, December 18, 2009

โลกกว้างไป หรือใจเราแคบเกิน

กะลังชั่งใจว่าจะซื้อ Play Station Portable (PSP) มาเล่นดีมั๊ยน๊อ


เอาไว้เล่นเวลาอยู่ว่างๆ ไม่รู้จะทำอะไร แต่มันก็แพงอ้ะ แถมไปอ่านบทความของพี่วุฒิเคท (เที่ยวสบายกระเป๋า) เลยสะดุ้งนึดนึง

..... โลกยุคโลกาภิวัตน์นี่ ทุกเมืองใหญ่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือมีคนเหงามากเหลือเกินครับ...... ต่างกันเพียงดีกรี และผลสืบเนื่องอันนำมาซึ่งความว้าเหว่ ที่ต่างสาเหตุ กันเท่านั้นครับ
อะไรทำให้ผู้คนอยู่ในสภาพนี้หรือ


ถ้าถามผม..ผมก็ต้องบอกว่า...คนเราเดี๋ยวนี้สื่อสารกันน้อย...People talking without speaking, people hearing without listening...เหมือนเพลง เสียงแห่งความเงียบ ของ ไซม่อน แอนด์ การ์ฟังเกล นั่นแหละครับ...


เพราะอะไร ?

เพราะคนสมัยใหม่เดี๋ยวนี้ พูดกับโทรศัพท์...สื่อสารกับมือถือทาง เอสเอ็มเอส...และเมื่ออยู่ตามลำพังก็เล่นเกม ฆ่าเวลา... ซึ่งสังเกตเห็นได้จนคุ้นชินเป็นธรรมดาในรถซับเวย์ หรือตามมุมทางแยก มุมตึกต่างๆ...

ความเหงานี่ ใครเป็นผู้นำมาสู่หรือครับ....

เทคโนโลยี่ หรือ ความฉับไวในชีวิตที่ทำให้คุณค่าของความมนุษย์หดหายไป กลายเป็น หุ่นยนต์ ที่ไร้ชีวิตจิดวิญญาณ เข้าไปทุกที...

ถ้าเรามีครอบครัวที่อบอุ่น...มีผู้ใหญ่ ญาติพี่น้อง มิตรดี ที่คอยติติง บ่นเตือนเรื่องโน้นเรื่องนี้...มีคนคอยแนะนำ ให้มีสัมมาคารวะ มีมารยาท มีคุณธรรม ตระหนักในคุณค่าของงาน...... เน้นย้ำเรื่องการเลิกฝันเฟื่องที่จะได้ ผลลัพธ์ดอกผลอันงดงาม จากการอยู่เฉยๆหรือทำอะไรอย่างขอไปที...พร่ำพรรณนาให้เราปฏิบัติตนเป็นคนมีคุณค่า เป็นคนมีแรงกระตุ้นให้ทำอะไรเพื่อคนอื่น... ฯลฯ ละก็.... ขอให้ภูมิใจเถิดครับว่า...เราโชคดีเหลือเกินที่มีคนปรารถนาดีต่อเราอย่างจริงจัง....... เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าวมา จะช่วยให้เรามี มนุษยสัมพันธ์ อยู่ร่วมกับผู้คนในสังคมคนดีได้โดยไม่ต้องหลบสายตา....แล้วเราจะ ไม่เหงา ครับ

เชื่อเถิดครับว่า ....คนเหงา นี่น่าสงสารมาก ครับ...แม้จะร่วมกลุ่มกับ คนเหงา ด้วยกัน เป็นชมรม เป็น คณะ เป็น ก๊วน...ก็อย่าหวังเลยครับว่า ความเหงาจะจางหายไปในชีวิต....เพราะมัน ผิดตรรกะ ที่คนเหงาจะช่วยให้คนอื่นหายเหงาได้ครับ....เชื่อเถิดครับว่า...ถ้าไม่ถอนตัวก่อนจะสายเกินไป...เราจะมีเวลาที่เหม่อลอย สะท้อนใจ อยู่เสมอทุกครั้งที่อยู่ตามลำพัง...เพราะ..เหงา ครับ


........แง เราเหงาอยู่เหรอ?........

ป่าวมั๊ง....หนูแค่อยากได้ PSP อ้ะ

Sunday, December 13, 2009

4D light&sound

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาจุ๋ยชวนไปดูงานแสดงแสงเสียงพระราชกรณียกิจที่ลานหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม

เลยชวนอ๋อยไปด้วยแล้วไปสมทบกับพี่ยี้อีกคน

ออกจากนครปฐมตั้งแต่บ่าย 2 แต่กว่าจะกินข้าวเย็นรองท้องกันเสร็จ ปาเข้าไป 6 โมง

ไปถึงเลยเจอคนล้านเจ็ดซะแล้ว บรรดาเก้าอี้ต่างๆ มีคนนั่งเต็มไปหมด

เลยได้แต่ไปยืนตรงกลางๆ พอได้เวลาจะแสดงก็มีเสียงโห่ให้นั่งจะได้ไม่บังข้างหลัง

ต้องหาที่นั่งอันน้อยนิดแล้วนั่งดูจนได้

กว่าจะถึงเวลาฉาย 20.00 ดูแบบนั่งคุกเข่าซักชั่วโมง ก็ได้รูปห่วยสนิทเพราะแสงน้อยมาแบบเนี๊ยะ




ส่วนอีกเกือบชั่วโมงหลัง คนที่มาไกลต้องรีบกลับเลยพอมีเก้าอี้ว่างให้เข้าไปเสียบครึ่งตูด แบ่งกับจุ๋ย ส่วนพี่ยี้ก็นั่งตักจุ๋ยอีกที กว่าจะได้นั่งแบบ OTOC หรือ one tood one chair (หนึ่งตูดหนึ่งเก้าอี้) ก็เกือบจบการแสดง


จบการแสดง 22.00 ยังเดินไปดูรถประดับไฟที่ถนนราชดำเนินอีก จนเมื่อยและหิว ก็แวะหาอะไรกินกันแถวริมถนน

เดิน เดิน เดิน ผ่านภูเขาทองไปถึงลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ กว่าจะเดินไปถึงเขตที่ไม่ปิดถนนและมีแท็กซี่วิ่งได้ก็เกือบถึงเยาวราช


......ขาลาก เล้ย.............

วันรุ่งขึ้นพี่ยี้ทำอาหารเช้าแบบ full curse เอ๊ย full course ให้กินเต็มที่ ก่อนจะพาจุ๋ยไปเดินซื้อเสื้อผ้าที่จตุจักร

มีคอสตูมไปด้วย 2 คน แถมหน่วยส่งเสริมการขายแบบนี้ จุ๋ยก็ได้หล่อราคาประหยัดคาดไม่ถึงมาหลายชุดล่ะ

Thursday, December 10, 2009

เรื่องเล่าเมื่อวันพ่อ

เมื่อหยุดยาววันพ่อที่ผ่านมา น้องชายกลับมาบ้าน

แม่ดีใจใหญ่...ส่วนพ่อแอบดีใจ

ไม่ได้ถามพ่อว่า ระหว่างเรากะน้องชายใครหน้าเหมือนพ่อมากกว่ากัน?

กลัวพ่อจะบอกว่า "บอกไม่ถูก ...หน้าตาดีเหมือนกันทั้งคู่" แบบในโฆษณา 555

น้องชายเอาซีวิคป้ายแดงสีดำคันใหม่มาอวดด้วย

แต่จอดที่บ้านได้คืนเดียว น้องหมาตัวไหนก็ม่ายยู้ไปแทะเอาบังโคลนซะแหว่ง...

เก่งมากลู้ก.......เดี๋ยวมันไปแล้วแม่จะให้รางวัล

คุณหญิงแม่เราเกิดดำริว่าจะไปเที่ยวตากอากาศที่บางปูอีก

เลยต้องขับรถพาไปพร้อมลูกชายลูกสะใภ้

....ทิ้งพ่อเฝ้าบ้านวันพ่อซะงั้น.....แต่พ่อบอกว่าดีที่สุดเลย...เงียบหูดี

ส่วนเราก็ดีที่ไม่หลง และดีที่แวะเมืองโบราณ


ในบรรดาสิ่งก่อสร้าง ชอบพระที่นั่งสรรเพชญปราสาทที่สุดเรย
นั่งหัวเราะ ก๊ากๆๆๆ ขำปลาอานนท์หน้าตาตลก บนรถรางอยู่ตั้งนาน

หลังจากนั่งรถรางครบรอบแล้วก็มาเอาจักรยานไปขี่ถ่ายรูปต่อ เพราะฝีมือถ่ายบนรถวิ่งน่าจะห่วยสุดๆ

แต่ขี่พ่วงคุณนายสุนีย์ไปได้นิดเดียวก็เริ่มข้อเข่าเสื่อม เลยสะพานรุ้งไปได้นิดเดียวก็กลับ

จากนั้นก็ไปดูนกนางนวลที่บางปูกันต่อ แบบร้อนมั่กๆ และไม่มีอะไรเลยนอกจากน้ำกะนก

เมื่อไม่มีอะไรจะทำก็เลยกลับถึงบ้านไม่ทันเย็น ทำเวลาได้ดีมาก
วันรุ่งขึ้นน้องชายกะน้องสะใภ้ก็ขับซีวิคแหว่งๆ กลับไป ทีนี้ไม่รู้ว่าปีหน้ามันจะมาเยี่ยมพ่อกับแม่แบบต่อรองว่าถ้ามีมันต้องไม่มีหมาอ๊ะป่าว...หุ หุ