Wednesday, June 20, 2007

งานแต่งเปิ้ล 18 มิ.ย. 50







สาวๆ ที่มาพัวพันแต่งออกไปได้อีกคนแระ



แย่จาง..........



ขาดคนให้ลวนลามไปอีก 1



แต่ไม่เป็นไร ใน stock ยังมีอีกโขอยู่

Friday, June 15, 2007

สถานการณ์เฉียด 6 รูปแบบในชีวิต

1. เฉียดใจหายใจคว่ำ
ที่บ้านซื้อรถตั้งแต่เราอยู่ชั้น ป.6 เป็นรถ FIAT รุ่น 124 special T หลังจากนั้นจนถึง ม. ปลาย ตอนปิดเทอมต้นและปลายทุกปี พ่อแม่ก็จะพาเรากับน้องชายไปหาน้าที่นครสวรรค์
ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าเป็นการบรรเทาปัญหาครอบครัว รู้อย่างเดียวว่าปิดเทอมจะได้ไปเที่ยว ช่วงที่น้องชายยังเล็ก มันก็นั่งตักแม่อยู่หน้ารถ ส่วนเราก็ครองเบาะหลังอย่างเปรมปรีดิ์ และส่วนใหญ่ก็จะทำตัวขนานกับพื้นโลก นอนดูปุยเมฆผ่านกระจกรถบ้าง หลับบ้างไปตามประสา
มีอยู่ครั้งหนึ่ง กำลังเคลิ้มๆ แม่ก็กรี๊ดขึ้นมา จากนั้นก็มีเสียงโครม ปรากฏว่า พ่อขับไปชนวัวที่มันตื่นอะไรก็ไม่รู้ วิ่งตัดหน้ารถ และรถก็แข็งมาก บุบไปนิดเดียว ส่วนวัวล้มทั้งยืน แต่พอมันหายตกใจก็ลุกขึ้นเดินต่อ...ชิลๆ
นึกว่าจะได้กินวัวซะแล้ว.... พ่อบอกว่าไม่กล้าเบรกแรงมาก กลัวรถเสียหลักและก็กลัวลูกน้อยเขาจะหัวโขกกับกระจกรถ ส่วนเราน่ะกลิ้งลงไปกองที่พรมพื้นรถเรียบร้อย
2. เฉียดสติแตก
สติแตกตอนที่เพิ่งขับรถเป็นใหม่ๆ พ่อให้ขับเข้ากรุงเทพฯ และรถติดบนสะพานค่อนข้างชัน (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นสะพานข้ามแยกบางพลัด) ปรากฏว่ารถเครื่องดับและไหลลงไปเรื่อยๆ (รถ FIAT ไม่มีเบรกมือค่ะ) start เท่าไหร่ก็ไม่ยอมติดง่ายๆ จนรถแท็กซี่คันที่จอดต่อท้ายบีบแตรดังลั่น อายก็อาย แถมยังลนลานด้วย คิดว่าชนแน่แล้วตู ดีที่รถข้างหน้าเคลื่อนซะก่อน พอเครื่องติดก็เลยรีบพุ่งออกไป...เฮ่อ ตั้งแต่นั้นมาเลยไม่ค่อยอยากขับรถในกรุงเทพฯ เท่าไหร่
3. เฉียดความรัก
เฉียดความรัก...ให้ตาย...เฉียดนี่แปลว่า “เกือบจะ” ใช่มั๊ย งั้นจะเล่าที่เฉียดที่สุด (แต่ยังคงห่างอยู่อีกหลายขุม)
ส่วนใหญ่เราจะเป็นพวก “ช่างปิ๊ง” เวลาเจอหนุ่ม (หรือสาว) หน้าตาดี แต่ก็ไม่เสมอไป ถ้ามีหนุ่มไหนอยู่ใกล้ (ระวังให้ดี) แล้วคอยดูแล เทคแคร์ ก็จะ “ปลื้ม” เหมือนกัน เกมพิเศษที่จะเล่นตอนที่มีหนุ่มมาให้ปลื้ม ก็คือเวลาฟังเพลง จะประมาณว่า เพลงต่อไป เค้าจะขอให้เราล่ะ
คราวที่เล่นแล้วรันทดที่สุด คือตอนรอฟังแล้วดันเป็นเพลงของมิกกี้ “ออกจากชีวิตฉันไปได้ไหม........” แง......... T-T

4. เฉียดประทับใจ
เรื่องประทับใจแบบไม่เฉียด จะเป็นความผาสุกในวัยเยาว์ ตอนนั้นเป็นหน้าน้ำ พ่อกับแม่พาไปปิกนิคกันบนเรือ คือ ทำอาหารใส่กล่อง แล้วก็พายเรือกันไปในคลอง แวะจอดกินข้าว แม่เก็บผักบุ้ง พ่อตกปลา ส่วนเรากับน้องชายก็มองหาตัวตั๊กแตน แมลงเต่าทอง ที่เกาะอยู่ตามต้นหญ้าข้างเรือ จับได้มั่งไม่ได้มั่ง มีอะไรแปลกๆ (ที่แม่ว่าเป็นขยะ) ลอยน้ำมาก็เก็บใส่เรือ ได้รู้จักลูกมะเดื่อก็คราวนั้น เพราะพอแกะดูแล้วเต็มไปด้วยแมลงหวี่ พายเรือกันไปเรื่อยๆ เรามีไม้พายเล็กๆ อันนึง พายอยู่หัวเรือ (ไม่ค่อยช่วย) พ่อพายท้ายเรือ ตรงที่เป็นถนนก็ถูกน้ำท่วมหมดจนเรือพายผ่านได้ บางทีก็ผ่านทุ่งนาที่มองเห็นต้นข้าวพลิ้วอยู่ใต้น้ำข้างเรือ เสียดายอยู่เหมือนกันที่ขายเรือใหญ่ลำนั้นไปซะแล้ว
5. เฉียดเซ็ง
เฉียดเซ็ง .........คงเป็นตอนที่รออะไรนานๆ แล้ว พอมาถึงคิวเรา ดันหมด หรือมีคนมาแซงคิว แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยตอบโต้ เพราะถือคติ ถ้าจะเอาคืน ต้องได้มากกว่าเสีย แนบเนียน และเลือดเย็น!
แถม 6. เฉียดอนาจาร..เอิ๊ก..ก
เฉียดอนาจาร ก็ต้องตอนเป็นตากล้องให้ Product Manager ของบริษัทยาแห่งหนึ่ง (ขอสงวนชื่อบริษัทเพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้) หลังจากที่ถ่ายด้วยเสื้อผ้าครบชุด และถอดทีละชิ้นจนเหลือปราการด่านสุดท้ายของท่านชาย แล้วก็โพสท่าจนหมดภูมิแล้ว เรา (ที่ไม่รู้อะไรเข้าสิง) เสนอไอเดียให้ถอดหมด ส่วนนายแบบก็กำลังตัดสินใจจะถอดอยู่นั่นเอง มโนสติ ที่ยังเหลืออีกนิดหน่อยก็ทัดทานไว้ได้ ทำให้ตัวเองและคนทั้งหาดรอดจากการเป็นตากุ้งยิงไปได้..........เฮ่อ

Saturday, June 09, 2007

นารีอุปถัมภ์

วันนี้ไปร้านยาที่เราแขวนป้ายที่บางเลน.......นานน้านจะไปซะที...แฮ่
ไปทีไรเจ้าของร้านชอบให้ของมาเรื่อยเลย เกรงใจมั่กๆ
พอดีว่าร้านนี้ขายเคมีเกษตรพวกปุ๋ย ยาฆ่าแมลง เมล็ดพันธุ์พืช (3 คูหา อีกครึ่งคูหาขายยา -_-')
คราวที่แล้วก็ให้ข้าวหอมมะลิมา 50 โล ยังกินไม่หมดเลย คราวนี้ก็ให้มาอีก 50 โล
แถมยังเลี้ยงข้าว ขนม และอื่นๆ อีก
กลับมาบ้านพ่อแม่ก็ว่าไปเอาของเค้ามาอีกแระ
เลยบอกว่ากินไม่ทันก็เก็บไว้ก่อน.....เผื่อมีคนมาขอลูกสาวแม่จะได้แถมข้าวสารไปด้วยซะเลย
จะว่าไปร้านที่แขวนป้ายเป็นร้านแรกก็ชอบเลี้ยงหนม
ส่วนร้านที่ไปทำงานก็เลี้ยงอาหารเหมือนกัน
ทุกร้านมีเจ้าของเป็นผู้หญิง.........................
แสดงว่าเรามีดวงนารีอุปถัมภ์นะเนี่ย
เห็นทีจะต้องยอมรับความปรารถนาดีกับสาวๆ ที่มาพัวพันซะบ้างแล้วแฮะเรา

เอ๊ะ หรือคิดในแง่กลับกัน เจ้าของร้านที่เป็นผู้ชายเค้าจะไม่เอาเรามั๊งเนี่ย
เพราะอันตรายกะความหนุ่ม ^_^

Sunday, June 03, 2007

บ้านนอกเข้ากรุงไปดู Rain

โอ้ละหนอ ไม่คิดว่าจะได้ไปดูคอนเสิร์ตระดับเอเชียกับเขาจริงๆ
ไม่ค่อยตื่นเต้นกันเท่าไหร่ ดูจากอ๋อยที่มารับถึงบ้านตั้งแต่บ่าย 2 โมงครึ่ง
คอนเสิร์ตเล่นที่อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี 2 ทุ่ม

แต่ก็ไปรถติดอยู่แถวแยกแครายนานมาก.....และก็ไปติดอยู่ในร้าน Zen กันอีก........อิ่ม
ไปเล่นเกมชิงรางวัลก็ได้แค่ขนมมาถุงเดียว (อย่างว่านะ โชคดีมีไม่บ่อย)
เข้าคิวรอประตูเปิดกันแบบคนไทย (มีคนแซงคิว แทรกแถว เต็มไปหมดจนแออัด)

ไม่อยากจะบอกเลยว่าไม่เคยฟังเพลงเรน (ทั้งที่มีแถมมากับโทรศัพท์) ไม่เคยดูคอนเสิร์ตเรน
เลยรู้สึกแปลกแยกกับผู้คนรอบข้าง ที่กรี๊ดสนั่น พร้อมกับร้องตาม

เอาเหอะ ดูหน้านักร้อง กับท่าเต้นส่ายตูด อย่างเดียวก็คุ้มตั๋วแระ
อ๋อยมีทำหน้าหื่นเป็นระยะ พร้อมทั้งหันมาบอกว่า เนี่ย...เรนถอดเสื้ออีกแล้ว (ที่จริงมันก็ถอดเกือบทุกเพลงแหละ)




ที่ประทับใจเห็นจะเป็นฉากเปิดที่ค่อนข้างอลังการ
แต่การ entertain คนดูนี่เราว่านักร้องไทยกินขาด
เอาเป็นว่างวดหน้ารอตั๋วฟรีป๋าเบิร์ดก็แล้วกันเนอะ