Thursday, December 31, 2009

สรุปเหตุการณ์ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 53

สวัสดีปีใหม่ค่ะ ทุกๆ ท่าน ปีนี้ขอให้พบแต่สิ่งดีๆ สมปรารถนาในทุกสิ่งนะคะ

มาดูเหตุการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตเจ้าของบล๊อคในช่วงปี 52 ที่ผ่านมากันดีกว่าค่ะ

เดินทางไกลแบบขับรถเอง 2 ครั้ง
- ชะอำ 11 ม.ค. 52
- ปึกเตียน 14 – 15 มี.ค. 52

อบรมบ่มนิสัย ปีนี้เยอะมาก 10 ครั้ง
- นครปฐมและกทม. 7 ครั้ง
- ต่างจังหวัด 3 ครั้ง

เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก 5 ครั้ง....ยังน้อยอยู่...เฮ้อ
- ภูเก็ต 26 – 28 ก.พ. 52
- ปึกเตียน เพชรบุรี 14 – 15 มี.ค. 52
- ฮ่องกง 11 – 13 เม.ย. 52
- หัวหิน ชะอำ 8 – 9 ส.ค. 52
- ญี่ปุ่น 11 – 15 พ.ย. 52

งานแต่ง เหลืองานเดียว.......โฮกกกกกก
- สุนันท์ 4 ม.ค. 52
ที่เหลือ (รวมเราด้วย) ขึ้นทะเบียนคานทองไว้แร้ว

อื่นๆ
ปีนี้มีสิ่งประทับใจตอนไปดูแสงสีที่หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม ได้ไปช่วยกันประสานเสียง “ทรงพระเจริญ” ซ้ำแล้วซ้ำอีก ให้รู้สึกได้ว่าคนไทย “รัก” พระเจ้าอยู่หัวขนาดไหน

หมายเหตุ ยอดผู้ชายยกมาจากปี 52 = 0 และยอดยกไปปี 53 ก็ยัง = 0 อีกแล้ว....ทุกปี ทุกปี ตราบนาน...T-T

Friday, December 18, 2009

โลกกว้างไป หรือใจเราแคบเกิน

กะลังชั่งใจว่าจะซื้อ Play Station Portable (PSP) มาเล่นดีมั๊ยน๊อ


เอาไว้เล่นเวลาอยู่ว่างๆ ไม่รู้จะทำอะไร แต่มันก็แพงอ้ะ แถมไปอ่านบทความของพี่วุฒิเคท (เที่ยวสบายกระเป๋า) เลยสะดุ้งนึดนึง

..... โลกยุคโลกาภิวัตน์นี่ ทุกเมืองใหญ่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือมีคนเหงามากเหลือเกินครับ...... ต่างกันเพียงดีกรี และผลสืบเนื่องอันนำมาซึ่งความว้าเหว่ ที่ต่างสาเหตุ กันเท่านั้นครับ
อะไรทำให้ผู้คนอยู่ในสภาพนี้หรือ


ถ้าถามผม..ผมก็ต้องบอกว่า...คนเราเดี๋ยวนี้สื่อสารกันน้อย...People talking without speaking, people hearing without listening...เหมือนเพลง เสียงแห่งความเงียบ ของ ไซม่อน แอนด์ การ์ฟังเกล นั่นแหละครับ...


เพราะอะไร ?

เพราะคนสมัยใหม่เดี๋ยวนี้ พูดกับโทรศัพท์...สื่อสารกับมือถือทาง เอสเอ็มเอส...และเมื่ออยู่ตามลำพังก็เล่นเกม ฆ่าเวลา... ซึ่งสังเกตเห็นได้จนคุ้นชินเป็นธรรมดาในรถซับเวย์ หรือตามมุมทางแยก มุมตึกต่างๆ...

ความเหงานี่ ใครเป็นผู้นำมาสู่หรือครับ....

เทคโนโลยี่ หรือ ความฉับไวในชีวิตที่ทำให้คุณค่าของความมนุษย์หดหายไป กลายเป็น หุ่นยนต์ ที่ไร้ชีวิตจิดวิญญาณ เข้าไปทุกที...

ถ้าเรามีครอบครัวที่อบอุ่น...มีผู้ใหญ่ ญาติพี่น้อง มิตรดี ที่คอยติติง บ่นเตือนเรื่องโน้นเรื่องนี้...มีคนคอยแนะนำ ให้มีสัมมาคารวะ มีมารยาท มีคุณธรรม ตระหนักในคุณค่าของงาน...... เน้นย้ำเรื่องการเลิกฝันเฟื่องที่จะได้ ผลลัพธ์ดอกผลอันงดงาม จากการอยู่เฉยๆหรือทำอะไรอย่างขอไปที...พร่ำพรรณนาให้เราปฏิบัติตนเป็นคนมีคุณค่า เป็นคนมีแรงกระตุ้นให้ทำอะไรเพื่อคนอื่น... ฯลฯ ละก็.... ขอให้ภูมิใจเถิดครับว่า...เราโชคดีเหลือเกินที่มีคนปรารถนาดีต่อเราอย่างจริงจัง....... เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าวมา จะช่วยให้เรามี มนุษยสัมพันธ์ อยู่ร่วมกับผู้คนในสังคมคนดีได้โดยไม่ต้องหลบสายตา....แล้วเราจะ ไม่เหงา ครับ

เชื่อเถิดครับว่า ....คนเหงา นี่น่าสงสารมาก ครับ...แม้จะร่วมกลุ่มกับ คนเหงา ด้วยกัน เป็นชมรม เป็น คณะ เป็น ก๊วน...ก็อย่าหวังเลยครับว่า ความเหงาจะจางหายไปในชีวิต....เพราะมัน ผิดตรรกะ ที่คนเหงาจะช่วยให้คนอื่นหายเหงาได้ครับ....เชื่อเถิดครับว่า...ถ้าไม่ถอนตัวก่อนจะสายเกินไป...เราจะมีเวลาที่เหม่อลอย สะท้อนใจ อยู่เสมอทุกครั้งที่อยู่ตามลำพัง...เพราะ..เหงา ครับ


........แง เราเหงาอยู่เหรอ?........

ป่าวมั๊ง....หนูแค่อยากได้ PSP อ้ะ

Sunday, December 13, 2009

4D light&sound

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาจุ๋ยชวนไปดูงานแสดงแสงเสียงพระราชกรณียกิจที่ลานหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม

เลยชวนอ๋อยไปด้วยแล้วไปสมทบกับพี่ยี้อีกคน

ออกจากนครปฐมตั้งแต่บ่าย 2 แต่กว่าจะกินข้าวเย็นรองท้องกันเสร็จ ปาเข้าไป 6 โมง

ไปถึงเลยเจอคนล้านเจ็ดซะแล้ว บรรดาเก้าอี้ต่างๆ มีคนนั่งเต็มไปหมด

เลยได้แต่ไปยืนตรงกลางๆ พอได้เวลาจะแสดงก็มีเสียงโห่ให้นั่งจะได้ไม่บังข้างหลัง

ต้องหาที่นั่งอันน้อยนิดแล้วนั่งดูจนได้

กว่าจะถึงเวลาฉาย 20.00 ดูแบบนั่งคุกเข่าซักชั่วโมง ก็ได้รูปห่วยสนิทเพราะแสงน้อยมาแบบเนี๊ยะ




ส่วนอีกเกือบชั่วโมงหลัง คนที่มาไกลต้องรีบกลับเลยพอมีเก้าอี้ว่างให้เข้าไปเสียบครึ่งตูด แบ่งกับจุ๋ย ส่วนพี่ยี้ก็นั่งตักจุ๋ยอีกที กว่าจะได้นั่งแบบ OTOC หรือ one tood one chair (หนึ่งตูดหนึ่งเก้าอี้) ก็เกือบจบการแสดง


จบการแสดง 22.00 ยังเดินไปดูรถประดับไฟที่ถนนราชดำเนินอีก จนเมื่อยและหิว ก็แวะหาอะไรกินกันแถวริมถนน

เดิน เดิน เดิน ผ่านภูเขาทองไปถึงลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ กว่าจะเดินไปถึงเขตที่ไม่ปิดถนนและมีแท็กซี่วิ่งได้ก็เกือบถึงเยาวราช


......ขาลาก เล้ย.............

วันรุ่งขึ้นพี่ยี้ทำอาหารเช้าแบบ full curse เอ๊ย full course ให้กินเต็มที่ ก่อนจะพาจุ๋ยไปเดินซื้อเสื้อผ้าที่จตุจักร

มีคอสตูมไปด้วย 2 คน แถมหน่วยส่งเสริมการขายแบบนี้ จุ๋ยก็ได้หล่อราคาประหยัดคาดไม่ถึงมาหลายชุดล่ะ

Thursday, December 10, 2009

เรื่องเล่าเมื่อวันพ่อ

เมื่อหยุดยาววันพ่อที่ผ่านมา น้องชายกลับมาบ้าน

แม่ดีใจใหญ่...ส่วนพ่อแอบดีใจ

ไม่ได้ถามพ่อว่า ระหว่างเรากะน้องชายใครหน้าเหมือนพ่อมากกว่ากัน?

กลัวพ่อจะบอกว่า "บอกไม่ถูก ...หน้าตาดีเหมือนกันทั้งคู่" แบบในโฆษณา 555

น้องชายเอาซีวิคป้ายแดงสีดำคันใหม่มาอวดด้วย

แต่จอดที่บ้านได้คืนเดียว น้องหมาตัวไหนก็ม่ายยู้ไปแทะเอาบังโคลนซะแหว่ง...

เก่งมากลู้ก.......เดี๋ยวมันไปแล้วแม่จะให้รางวัล

คุณหญิงแม่เราเกิดดำริว่าจะไปเที่ยวตากอากาศที่บางปูอีก

เลยต้องขับรถพาไปพร้อมลูกชายลูกสะใภ้

....ทิ้งพ่อเฝ้าบ้านวันพ่อซะงั้น.....แต่พ่อบอกว่าดีที่สุดเลย...เงียบหูดี

ส่วนเราก็ดีที่ไม่หลง และดีที่แวะเมืองโบราณ


ในบรรดาสิ่งก่อสร้าง ชอบพระที่นั่งสรรเพชญปราสาทที่สุดเรย
นั่งหัวเราะ ก๊ากๆๆๆ ขำปลาอานนท์หน้าตาตลก บนรถรางอยู่ตั้งนาน

หลังจากนั่งรถรางครบรอบแล้วก็มาเอาจักรยานไปขี่ถ่ายรูปต่อ เพราะฝีมือถ่ายบนรถวิ่งน่าจะห่วยสุดๆ

แต่ขี่พ่วงคุณนายสุนีย์ไปได้นิดเดียวก็เริ่มข้อเข่าเสื่อม เลยสะพานรุ้งไปได้นิดเดียวก็กลับ

จากนั้นก็ไปดูนกนางนวลที่บางปูกันต่อ แบบร้อนมั่กๆ และไม่มีอะไรเลยนอกจากน้ำกะนก

เมื่อไม่มีอะไรจะทำก็เลยกลับถึงบ้านไม่ทันเย็น ทำเวลาได้ดีมาก
วันรุ่งขึ้นน้องชายกะน้องสะใภ้ก็ขับซีวิคแหว่งๆ กลับไป ทีนี้ไม่รู้ว่าปีหน้ามันจะมาเยี่ยมพ่อกับแม่แบบต่อรองว่าถ้ามีมันต้องไม่มีหมาอ๊ะป่าว...หุ หุ

Monday, November 23, 2009

เพลง : เดินหน้า

เนื้อร้อง พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
ทำนอง เพลงไทยเดิมคุณลุงคุณป้า ๒ ชั้น

* เกิดมาทั้งทีมันก็ดีอยู่แต่เมื่อเป็น อีกสามร้อยปีก็ไม่มี ใครจะเห็น ใครเขาจะนึก ใครเขาจะฝัน เขาก็ลืมกัน เหมือนตัวเล็น นานไปเขาก็ลืม ใครหรือจะยืมชีวิตให้เป็น ใครจะเห็น ก็เห็นแต่น้ำใจ จำได้แต่ชื่อ ว่าตัวเราคือทหารเรือไทย ตายแต่ตัว ชื่อยังฟุ้ง ทั่วทั้งกรุง ก็ไม่ลืมได้

* ทั้งเซาธ์ ทั้งเวสท์ ทั้งนอร์ธ ทั้งอีสท์ จะคิดถึงตัวเราใย จะต้องตายทุกคนไป ส่วนตัวเราตาย ไว้ยืน ไว้ยืนแต่ชื่อ ให้โลกทั้งหลายเขาลือ ว่าตัวเราคือ ทหารเรือไทย เกิดมาทั้งทีมันก็มีอยู่แต่ทุกข์ภัย วันนี้เคราะห์ดี รุ่งขึ้นพรุ่งนี้ จะเป็นอย่างไร ดีเคยพบ ชั่วเคยเห็น จนเคยเป็น มีเคยได้ อนาคตเราไม่รู้ ถึงไม่รู้ ก็ต้องเดินไป

* จะกลัวไปใย มันก็ล่วงไปตามเวลา ไม่ตายวันนี้ ก็คงไปซี้ เอาวันข้างหน้า วันนี้ยอ พรุ่งนี้ด่า ไม่ใช่ขี้ข้า ปากของใคร ทั้งเซาธ์ ทั้งเวสท์ ทั้งนอร์ธ ทั้งอีสท์ จะคิดถึงตัวเราใย จะต้องตายทุกคนไป ส่วนตัวเราตาย ไว้ยืน ไว้ยืนแต่ชื่อ ให้โลกทั้งหลายเขาลือ ว่าตัวเราคือ ทหารเรือไทย

มาเจอเพลงปลุกใจที่ชอบมาตั้งแต่เด็ก ที่แท้ก็เป็นพระนิพนธ์ของกรมหลวงชุมพรฯ นี่เอง เอาไว้สำหรับคนไทยยามระส่ำระสายฟังก็ไม่เลยเนาะ

Thursday, November 19, 2009

กินอย่างเดียว เที่ยวเจแปน

สุกี้มื้อแรกแบบเต็มๆ หม้อ ต่อ 2 คน


มื้อค่ำกับอาหารสไตล์ปิ้งย่าง

ตามด้วยบุฟเฟ่ต์ขนมหวาน

ขนมชูครีมหอมอร่อย (โปรดสังเกตุรอยฟันแทะ)

ปลาไหลย่างกินกับข้าว

ขาปูยักษ์นึ่งเติมไม่อั้น

ไข่ต้มน้ำพุร้อนกำมะถัน กิน 1 ฟองอายุยืน 7 ปี
แต่กินหมดถุงคลอเรสเตอรอลเพิ่ม 300

อุด้งร้อนๆ กินกะปลาดิบ

เครปหอมหวานในย่านฮาราจุกุ

เค้กหน้าตาน่ากินแถมยังอร่อย

ข้าวยำเสริฟในครกอ่างศิลา

สุกี้เนื้อทรงเครื่อง

ตบท้ายด้วยไอติมชาเขียวซันเดย์ก่อนขึ้นเครื่อง

Monday, October 19, 2009

อีกครั้งกับโออิชิแกรนด์



ช่วงนี้ไปซุโค่ยกับพวกที่โออิชิกันทุกเดือน ทั้งรอบเย็นและรอบเที่ยง

ทำเอากระเพาะกลับมากว้างเท่าเก่า

แหม ก็อาหารมันสารพัดจะยั่วน้ำลายนี่นา
นี่ก็ปลาซัมมะย่าง รสชาติเหมือนปลาซาบะ (ถ้าไม่มีน้ำจิ้มแซบเนี่ย แหลกม่ายลงเลยจริงๆ)


แถมเมื่อวันอาทิตย์ไปกินกับอ๋อย แล้วตามประสาคนติดกาแฟ ก็ไปร้องให้พนักงานชงกาแฟให้

มีแต่กาแฟร้อนอีก.....จากินกาแฟเย็น...จากิน..จากิน

ดิ้นอยู่หน้าเคาน์เตอร์กาแฟ แต่พนักงานไม่สน เลยได้ม็อคค่าร้อนมาแทน

แล้วมันสมองอันฉลาดปราดเปรื่องของเราก็สั่งให้รีบทำแก้วน้ำให้ว่างเปล่า ไปจ้วงน้ำแข็งพร้อมทั้งขอน้ำตาลมาเติมอีก 4 ซอง

คนๆๆๆ กาแฟแล้วก็เทพรวดใส่น้ำแข็ง.....ได้กินกาแฟเย็นสมใจ 555

กินไปได้ซักพัก ฝรั่งที่นั่งโต๊ะข้างๆ เดินมาถามว่า

"What is this one?"




"....................."




"....................."


ทำตากระปริ๊บๆ ไป 20 กว่าหน แล้วก็บอกว่า "I made it"

she ก็เลยยกนิ้วโป้งให้ประมาณว่าเยี่ยมเล้ย

อ๋อยวางมือจากตะเกียบมาถามว่าอะไรอ่ะ แล้วก็บอกว่า ทำไมไม่บอกเค้าว่า ice coffee อ่ะ

.....เอ่อ............



ตอนอิ่มๆ เลือดมันไปเลี้ยงกระเพาะมากฝ่าง่ะ ที่สมองแทบไม่มีเลือดเหลือแง้ว

แล้วอ๋อยก็เลยบอกว่า โหย ป่านนี้ she ไปเดินหากาแฟปั่นกะไอติมแย่แล้ว (ลักษณะที่ได้มันเหมือนจะเป็นงั้นจริงๆ)

ก็คงใช่อ่ะ

รอบที่ 1 เห็นเดินมานั่งพร้อมไอติมถ้วย

รอบที่ 2 มาพร้อมกับน้ำชาร้อน


โหย...ไม่ได้แกล้งต่างชาตินะ แต่ว่าสูตรนี้มัน limited ง่ะ ทำเองกินเอง

ถ้าอยากกินทีหลังให้ใช้ภาษากาย..มาดิ้นหน้าโต๊ะ...จากิน..จากินมั่ง

เดี๋ยวเจ้าบ้านคนไทยใจดีอย่างหญิงก็จะไปทำให้จร้า

Monday, October 05, 2009

ติดกาแฟซะแร้ว

หลังจากเมนูไดเอ็ท ที่ต้องกินกาแฟดำวันละ 2 แก้ว ผ่านไป

ระยะนี้ถึงจะเลิกกินตามเมนู (เพราะได้เงินรางวัลลดความอ้วนมาแล้ว) ก็ยังกินกาแฟอยู่ทุกวัน

...ทำม่ะ...อายุ 35 แล้วจะติดสารเสพติดซักอย่าง 2 อย่างมั่งไม่ได้รึงัย......

ช่วงแรกๆ ซื้อกาแฟสดกิน เห็นเขาแค่ชงๆ ใส่นมข้นหวาน แถมบางร้านรสชาติเหมือนน้ำล้างแก้ว -_-'

เลยชงกินเองก็ด้ะ....น้ำล้างแก้วกว่า........ง่ะ

พอดีเห็นกาแฟกระป๋องในมินิมาร์ทลดราคา เลยซื้อมาลองกิน

ทีนี้เลยกินมันทุกวัน วันละกระป๋อง........ฮึ้ย

แถมเปลี่ยนยี่ห้อดูว่าอันไหนถูกปากกว่ากัน

ตอนแรกๆ อ่านข้างกระป๋องก็งงๆ ว่ามันอารายฟะเนี่ย มีเอสเพรสโซ่ โรบัสต้า ลาเต้ (ยี่ห้ออะไรบ้างเอ่ย)

เลยไปลองหาข้อมูลจากกูรูดู ก็ได้ดังนี้แล


ประเภทกาแฟ ดูจากรูปแผนผังด้วยน่าจะเวิร์ก

- Espresso : คือกาแฟเพียวๆ


- Latte : คือ Espresso ใส่นม คำว่า Latte แปลว่า “นม”

- Cappuccino : คือ Espresso ใส่นมเหมือนกัน แต่ Cappuccino จะเข้มข้นกว่า Latte และเน้นเรื่องฟองนมมากกว่า


- Macchiato : เป็นกาแฟ Espresso + นม + Caramel เยิ้มๆ หวานจับจิต (เค้าว่าเป็นเมนูอร่อยสุดในสตาร์บัคอ่ะ)

- Mocha : หมายถึงกาแฟที่กลิ่นคล้ายโกโก้ และยังหมายถึงกาแฟที่ผสมพวกโกโก้ + Chocolate ด้วย จะหอมๆ หน่อย ทานง่ายมากๆ


- Americano : เป็นการเอา Espresso ที่เข้มข้นมาผสมน้ำให้มันจางลง คงมีต้นกำเนิดมาจาก America

ชื่ออื่นๆ นอกจากนี้ก็มาจากสายพันธุ์ของกาแฟนั่นเอง

แถมกูรูท่านนี้ยังแถมวิธีการสั่งกาแฟในสตาร์บัคด้วย (แน่นอนว่าพจนารถไม่เคยคิดจะกินแก้วละ 100 - 200..แต่ถ้ามีคนเลี้ยงก็ไม่แน่ อิ อิ)

รู้ไว้ละกันจะได้ไม่โง่+บ้านนอก (บอกตัวเอง)

5 ขั้นตอนก็สั่ง Starbucks ได้แล้ว

1. เลือกนมใน Starbucks ที่มีหลายแบบ ทั้งแบบปรกติ / แบบอ้วนน้อย [แบบไม่อ้วนไม่มีในโลก - -] และแบบนมถั่วเหลือง [Soy] สำหรับคนไม่ทานของจากวัว


2. เลือกว่าจะเอากาแฟแบบปรกติ หรือแบบไร้คาเฟอีน [Decaf]

3. วิปครีม อีกหนึ่งตัวปัญหา เพราะปรกติถ้าสั่งกาแฟปั่น [Frappuccino] มักจะมีวิปครีม ถ้าไม่ทานหวาน ก็ต้องคอยบอกว่าไม่เอาวิปครีม ถ้าลืมบอก ก็จะได้โปะมา 1 ก้อน แต่บางเมนูไม่มีวิปครีมก็ต้องสั่งเพิ่ม

4. Syrup หรือก็คือน้ำเชื่อม นี่เป็นจุดขายของ Starbucks อันนึง เพื่อให้คนสร้างกาแฟในแบบตัวเอง เป็นการเพิ่มมูลค่าทางการตลาด เช่น Raspberry Syrup หรือ Hazelnut Syrup


5. Espresso Shot : การสั่งอย่างอื่นแต่ขอเติมกาแฟเพิ่ม เช่น สั่ง Chocolate เย็น 1 แก้วแล้วเพิ่ม Espresso เอง 1 Shot หรือใครจะเพิ่มมากกว่านั้นก็ได้ เอา 16 Shots เขาก็ไม่ว่าครับ ถ้าเอากระแดะหน่อยก็เรียกจำนวน Shot เป็น Single / Double / Triple / Quad มากกว่านี้สงสัยไม่มีใครสั่ง

6. ของที่ไม่ใช่กาแฟ มีทั้ง Signature Chocolate และพวกผลไม้อย่าง Raspberry Black Currant หรือ Mango ปั่นแบบ Frappuccino และเราก็เลือกได้อีกว่าจะใส่ชาหรือกาแฟและอื่นๆ เพิ่มไหม ?

สุดท้ายที่สำคัญสุดคือ ไม่รู้อะไร ถาม Barista (คนชงกาแฟ) ครับ ไม่ต้องกลัวว่าถามแล้วจะดูโง่


ขอขอบคุณเนื้อหาจาก จขว (เจ้าของเว็บ) cookiecoffee ค่ะ


(ความคิดเห็นจากเราเอง)........โอ๊ย.........อะไรมันจะยุ่งยากขนาดนี้ฟระ...........สตาร์บัคหัดให้คนนิสัยจู้จี้รึไงเนี่ย





อ๊ะ...ลืมไปอย่าง นี่เรากินคาเฟอีนไปวันละกี่มิลลิกรัมแล้วฟระเนี่ย

Sunday, September 13, 2009

เซียนโป๊กเกอร์มาแล้วค่า


เปล่า ...จั่วหัวแบบนี้ไม่ได้มาชวนเล่นไพ่

แต่ว่าไปอ่านการ์ตูนแล้วเห็นว่าน่าสนใจดีก็เลยเอามาอัพซะเลย ..บล๊อคจะได้ไม่บูดซะก่อน

เป้าหมายในการเล่นคือสร้างไพ่มือที่ดีที่สุด 5 ใบจากไพ่ที่ได้รับแจก


ความแข็งของไพ่เรียงตามลำดับได้ดังนี้


1. รอยัลฟลัช (Royal Flush)
เป็นมือที่สูงที่สุด ประกอบด้วยเอซ คิง แหม่ม แจ็ค และ 10 ซึ่งมีดอกเดียวกัน ดอกใดก็ได้ อัตราที่จะเกิดมือนี้คือ 1 ใน 650,000 มือ

2. สเตรทฟลัช (Straight Flush)
(ประกอบด้วย สเตรท และ ฟลัช) สเตรทที่มีดอกเหมือนกัน ซึ่งก็คือไพ่ 5 ใบที่มีดอกเดียวกันและเรียงลำดับกัน โอกาสที่จะเกิดคือ 1 ใน 72,000 มือ

3. โฟร์การ์ด (Four of a kind)
ไพ่ 4 ใบที่มีแต้มเท่ากัน โอกาสที่จะเกิดคือ 1 ใน 4,200 มือ

4. ฟูลเฮาส์ (Full House)
ตองและคู่ นับตองก่อน โอกาสที่จะเกิดคือ 1 ใน 700 มือ

5. ฟลัช (Flush)
ไพ่ 5 ใบที่มีดอกเดียวกัน โอกาสที่จะเกิดคือ 1 ใน 510 มือ

6. สเตรท (Straight)
ไพ่ 5 ใบดอกใดก็ได้ที่มีแต้มเรียงลำดับต่อกัน โอกาสที่จะเกิดคือ 1 ใน 250 มือ

7. ตอง (Three of a kind)
ไพ่ 3 ใบที่มีแต้มเท่ากัน โอกาสที่จะเกิดคือ 1 ใน 48 มือ

8. 2 คู่ (Two pair)
คู่ 2 ชุด โอกาสที่จะเกิดคือ 1 ใน 21 มือ

9. 1 คู่ (One pair)
ไพ่ที่มี 1 คู่ โอกาสที่จะเกิดคือ 1 ใน 2.4 มือ

10. ไพ่สูง (High card)
ไพ่ที่ดีที่สุดจะเป็นผู้ชนะหากมือต่างๆ ข้างต้นไม่มีอยู่แล้ว โอกาสที่จะเกิดคือ 1 ใน 2 มือ


ศัพท์ที่ใช้เรียกกันในเกมโป๊กเกอร์นั้นมีเยอะมาก


การแจกครั้งแรก - ไพ่ชุดแรกที่แจกให้ผู้เล่นก่อนที่ผู้เล่นจะต้องตัดสินใจ


ไพ่โฮล (HOLD CARDS) -ไพ่ 2 ใบแรกที่แจกให้ท่านโดยคว่ำหน้าลง จะเรียกกันอีกอย่างว่า "พ็อคเก็ตคาร์ด" ในเท็กซัส โฮลด์เอ็ม.


แบ๊ดบีท (BAD BEAT) - คำนี้เป็นศัพท์ที่ใช้หมายถึงตอนที่ท่านมีไพ่ในมือที่ดีมาก แต่ก็ต้องแพ้มือที่ดีกว่า ห้องโป๊กเกอร์บางแห่งให้รางวัลแจ็คพ็อตสำหรับมือแบ๊ดบีทที่ดีที่สุด ซึ่งก็คือมือแพ้ที่ดีที่สุดนั่นเอง


บิ๊กบลายด์ (BIG BLIND) - ผู้เล่นที่อยู่ทางซ้ายมือของเจ้ามือวางสมอลบลายด์ (เดิมพันบังคับ) ซึ่งเท่ากับครึ่ง 1 ของเดิมพันจำนวนน้อยที่สุด ผู้เล่นที่อยู่ทางซ้ายมือของเขาจะวางบิ๊กบลายด์ ซึ่งมีเท่ากับเงินเดิมพันที่น้อยที่สุด


สมอลบลายด์ (SMALL BLIND) - ดู บิ๊กบลายด์


เจ้ามือ (DEALER) - คือผู้เล่นที่ได้รับการตั้งให้เป็นเจ้ามือในแต่ละมือ เขาไม่ได้เป็นคนแจกไพ่จริงๆ แต่เป็นคนที่วางเดิมพันเป็นคนสุดท้าย จึงเป็นตำแหน่งที่อาจได้เปรียบ


บอร์ด (BOARD) - ไพ่หงายในเกมฟล็อป


ปุ่ม (BUTTON) - แผ่นกลมที่จะบอกว่าใครเป็นเจ้ามือสำหรับมือนี้ ปุ่มนี้จะเลื่อนตามเข็มนาฬิกา (ไปทางซ้าย) ในแต่ละมือ


เงินกองกลาง (POT) - ชิปทั้งหมดที่อยู่กลางโต๊ะ เป็นจำนวนเงินที่เราจะได้เมื่อเล่นชนะ


สู้ (CALL) - เดิมพันที่เท่ากับเดิมพันที่วางอยู่ตอนนั้น


หมอบ (FOLD) - การทิ้งไพ่ เมื่อท่านคิดว่าไพ่ในมือของท่านไม่ดีพอที่จะเล่นแล้ว


ผ่าน (CHECK) - หากไม่มีการวางเดิมพันเพิ่มอีก ท่านสามาารถผ่านแล้วรอดูว่าจะมีคนอื่นวางเดิมพันหรือไม่ หากทุกคนผ่าน เกมก็จะเลื่อนไปเล่นรอบต่อไป


เพิ่ม, เพิ่มอีกครั้ง (RAISE, RE-RAISE) - เดิมพันที่เป็นการเพิ่มเงินเดิมพันที่วางอยู่ในตอนนั้น


ออล-อิน (ALL-IN) - เมื่อผู้เล่นมีชิปไม่พอที่จะ "สู้" เขาต้องเดิมพันด้วยชิปทั้งหมดที่มีรวมทั้งเงินกองกลางในตอนนั้นด้วย เดิมพันใดๆ ที่วางหลังจากนั้นจะอยู่วางไว้นอกกองกลาง เรียกว่าไซด์พ็อต และเขาจะไม่เกี่ยวข้องกับเงินไซด์พ็อตนี้ หากมือของเขาสูงที่สุด เขาจะได้เงินจากเงินกองกลางเท่านั้น แต่จะไม่ได้เงินไซด์พ็อต


ฟล็อป (FLOP) - ไพ่ 3 ใบแรกในไพ่หงายของเกมเท็กซัส โฮลด์เอ็ม หรือ โอมาฮ่า โป๊กเกอร์.


เทิร์น (TURN) - ไพ่ใบที่ 4 จากกองกลางในเกมฟล็อป


ริเวอร์ (RIVER) - ไพ่ใบสุดท้ายในไพ่หงายของเกมฟล็อป และหมายถึงไพ่ใบสุดท้ายใน 7 คาร์ด สตั๊ด.


คิกเกอร์ (KICKER) - ไพ่แต้มสูงที่อยู่กับไพ่คู่หรือ 2 คู่


มัคคาร์ด (MUCHKED CARDS) - การทิ้งไพ่โดยที่ไม่ให้ใครเห็นไพ่นั้น


นัท (NUTS) - มือที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในเกม มือที่ชนะทุกมือ และสมควรจะวางเดิมพันให้มากๆ


พ็อคเก็ตคาร์ด (POCKET CARDS) - มีความหมายเหมือนกับไพ่โฮล


โพสต์ (POST) - โพสต์ โดยขึ้นอยู่กับ โป๊กเกอร์ เกม.


อัตราการหักเงินกองกลาง (RAKE) - เงินที่คาสิโนดึงมาจากเงินกองกลางทุกครั้งเป็นค่านายหน้า


ฟิช (FISH) - ผู้เล่นที่อ่อนหัดที่สุดในโต๊ะ เป็นคนที่เสียเงินมากที่สุด เกี่ยวกับคำนี้จะมีสำนวนอยู่ว่า "หากมองดูไปรอบๆ โต๊ะแล้วไม่เจอคนที่อ่อนที่สุด แสดงว่าตัวคุณนั่นเองที่อ่อนที่สุด และคุณควรจะเลิกเล่นได้แล้ว"


รอบของการวางเดิมพัน (ROUNDS OF BETTING) - รอบของการวางเดิมพันจะจบลงเมื่อผู้เล่นทุกคนได้มีโอกาสที่จะหมอบ สู้ หรือเพิ่มแล้ว


เปิดทั้งหมด (SHOW ALL) - เมื่อการวางเดิมพันเสร็จสิ้นผู้เล่นทุกคนจะต้องเปิดไพ่ทุกใบในมือ เพื่อดูว่าใครมีมือที่สูงที่สุด
อ่านมาจนงง สรุปได้ว่าถ้าเราคิดจะเล่น น่าจะเป็นเจ้ามือถึงจะดี เพราะศัพท์ทั้งหลาย จำได้แค่ "เจ้ามือกินเรียบ"...ฮ่า

Sunday, September 06, 2009

วันอาทิตย์ได้หยุดทั้งทีมีอะไรดีๆ...

วันอาทิตย์นี้ได้หยุดอยู่กับบ้านทั้งวันเป็นวันแรกในรอบ...เอ่อ...กี่เดือนหว่า

แต่ตื่นมาด้วยอาการปวดท้องสุดๆ กว่าจะกู้ชีพตัวเองได้

หลังจากนั้นก็ทำความสะอาดห้องตัวเอง

ได้ฝุ่นมาครึ่งโลเห็นจะได้ ส่วนขยะกระดาษได้ซัก 10 โลมั๊ง -_-'

หมดไปครึ่งวัน......

ตอนเย็นก็ออกไปหาปลามากิน

เฮ่ย...ปลาออกมาหาตะหาก

ก็นั่งเล่นกะ 2 คุณหมาอยู่ดีๆ มันก็พาไปชี้เป้า เอ๊ย ชี้ปลาที่ริมตลิ่ง

เราเห็นแค่ปลาตัวใหญ่ๆ ท้องขาวๆ มาแถกเหงือกอยู่ เลยเอาสวิงไปช้อน

มีเจ้ามอมกะเจ้าแมมไปเมียงๆ มองๆ จะลงไปจับให้เจ้านายก็ไม่กล้า

ด้วยความเป็นมือใหม่ก็เลยเอาสวิงแช่น้ำรอเฉยๆ

แต่ด้วยความเป็นหนูโชคดี..อะฮื้อ ปลาดุกตัวนั้นก็ว่ายเข้าสวิงเองซะงั้น

มื้อเย็นนี้พวกเราพ่อแม่ลูกเลยได้กินปลาดุกอุยหนักโลกว่าย่างหวานๆ กันอย่างอร่อย

พ่อบอกว่าไม่ใช่ปลาดุกที่บ้านเราเลี้ยงไว้หรอก เพราะจำหน้าได้

เปล๊า เพราะเนื้อมันสีเหลือง ส่วนของที่บ้านเนื้อขาวจั๊วะ


ปล. นี่เป็นรูปตัวอย่างเฉยๆ เพราะตัวจริงใหญ่มั่ก และถ่ายรูปไม่ทันเหมือนเคย

Monday, August 10, 2009

ทัวร์กินหัวหิน - ชะอำ

แหม พอน้ำหนักลดหน่อย เพื่อนๆ ก็พากันสกัดดาวรุ่ง

ชวนกันไปกินไปเที่ยว (แบบไม่อั้น) ซะงั้น....


เราเริ่มกันที่ข้าวหมูแดงร้านปฐมโภชนา 2 แยกมาลัยแมน นครปฐม

ไปต่อข้าวเที่ยงที่ร้านเปิ้ลซีฟู้ด เขาตะเกียบ


กินไอติมโฮมเมดสไตล์อิตาเลียนยามบ่ายแถวโกลเดนเพลส หัวหิน



เย็นกินไปดูเรือรบหลวงไปที่ร้านอยู่เย็น หัวหิน กับเมนูกุ้งมรกต


ต่อด้วยฟังเพลงแบบง่วงๆ ที่ใต้โรงแรมฮิลตัล

ปลาทูเตาเตี๊ยะเป็นข้าวเที่ยงขากลับที่ร้านแดงซีฟู้ด แม่กลอง

Monday, July 06, 2009

เมื่อคุณนายสุนีย์เป็นปลา (ตาเดียว)

คุณนายสุนีย์ไปผ่าต้อกระจกมาตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว

มาถึงวันนี้ยังไม่ได้ 7 วันเรย...แต่สร้างวีรกรรมเอาไว้มากมาย

เริ่มตั้งแต่ไปเปิดตาวันรุ่งขึ้น หลังจากยืนยันว่าไม่นอน รพ.

คุณพยาบาลห้องเช็ดตากะลังว่างเลยชวนคุย แถมสอนเช็ดตา ตัว:ตัว

พยาบาล : "ป้าจำหนูได้ป่าว เมื่อวานนี้เราก็เจอกัน?"

คุณนาย : "เมื่อวานหนูอยู่ห้องผ่าตัดด้วยเหรอ?
"
พยาบาล : "เปล่าค่ะ เมื่อวานที่หนูชวนป้านอน รพ.ไง"

คุณนาย : "อ๋อ..."

พยาบาล : "อ๋อ..จำไม่ได้ดิเนี่ย?" (รู้ทันอีก - มีเราพยักหน้าเป็นลูกคู่หงึกหงัก)



หลังผ่าแล้วก็ต้องไม่ทำอะไรให้กระทบกระเทือน เลยไม่ต้องทำกับข้าว

เราบอกให้ซื้อเอา ก็ยังยืนยันว่าทำเองดีกว่า

.......แล้วใครจะทำเล่าแม่.........

มีการแบ่งงานให้อย่างเท่าเทียม ให้พ่อทอดปลา และเราผัดผักบุ้ง

เรา : "พ่อๆ (ทอดปลาอยู่) ทำไงให้ไฟมันลุกอ่ะ ผักบุ้งไฟแดงง่ะ?"

พ่อ : "ก็ใส่น้ำตาลเข้าไป แล้วเร่งไฟแรงๆ"

ระหว่างรอทอดปลาเสร็จเราก็นั่งเด็ดผักบุ้ง พอเสร็จคุณนายก็เอาน้ำตาล น้ำมันหอย มาใส่ไม่ให้ผิดจากสูตร (เหมือนทุกที)

รอพ่อจนยุงกัดก็เลยเข้าไปดูทีวีในบ้านกัน 2 คนแม่ลูก

ซักพักพ่อก็ถือจานผัดผักบุ้งเข้ามา

คุณนาย : "พ่อเอาน้ำมันใหม่ทอดรึเปล่า" ถามเสียงเข้มหลังเข้ามาพิสูจน์ศพ เอ๊ย อาหาร

พ่อส่ายหัวดิก ทำหน้าปลงๆ ว่าผ่านด่านลูกสาวทำไฟไหม้บ้าน ยังมาเจอด่านมะเมียอีก

คุณนาย : "ใครเค้าทำกัน ...เอาน้ำมันทอดปลามาผัดผักต่อเนี่ยฮะ...ฯลฯ"

ส่วนลูกสาวตัวดีรีบหนีขึ้นบ้านไปนอนเกาพุง รอกินข้าวเย็น ฮี่ ฮี่



วันก่อนคับ.....

กลับจากทำงานคุณนายจัดแจงฟ้อง

คุณนาย : "เนี่ย แม่ต้องหยอดตาเอง ใช้พ่อหยอดไม่ได้เรื่องเลย"

ลูกสาวยังไม่ทันอ้าปากถาม

คุณนาย : "หยอดก็ไม่ตรงตา ตาตัวเองก็ไม่ดีแล้วไม่รู้จักไปหาหมอซะมั่ง"

ลูกสาวยังไม่ทันอ้าปากออกความเห็น

คุณนาย (กะลังหยอดตาเองอยู่) : "อ๊ายยยยยย หยอดผิดข้างง่ะ"



วันก่อนอีกคับ....

คุณนาย : "วันนี้ไปส่งแม่เอาแคปหมูหน่อยนะ ฝากลุงซื้อมาจากลำปางอ่ะ"

เรา : "แล้วรู้ยังว่าบ้านเขาอยู่ไหนอ่ะ?"

คุณนาย : "แม่ถามมาแล้ว ไปทางถนนศาลายาสายใน อยู่ในซอยข้างโรงถ่ายกันตนา ติดกะหมูบ้านชัยพฤกษ์16"

เรา : "แค่นั้น? แล้วหมู่บ้านเขาชื่ออะไรอ่ะ?"

คุณนาย : "อะไรกรีนวิวนี่แหละ แหม เดี๋ยวจะถึงแล้วโทรถามก็ได้"

ขับไปได้เกือบชั่วโมง

เรา : "แม่...มันทางลูกรังนะ เพิ่งผ่าตาเนี่ยมันจะดีเร้อ แล้วเลี้ยวสี่แยกนี่ใช่มั๊ย?"

คุณนาย : "นี่มันมาตั้งไกลแล้วยังไม่ถึงอีกเหรอ จอดๆ ถามคนแถวนี้ดูดิ๊"

อ่ะ..จอดก็จอด ถามยามสนามกอล์ฟ

กันตนา?...ไม่รู้จัก หมู่บ้านชัยพฤกษ์16?...ไม่รู้จัก

ว่าแต่กันตนาน่าจะอยู่ไปทางโน้นนะ ขับไปตามทางลัดนี่เลย เดี๋ยวมีทางออก

เราก็ขับเลียบคลองมาเรื่อยๆ...เฮ้ย ถนนมันเล็กลงเล็กลง จนรถสวนกันไม่ได้แล้วอ่า...

เรา : "แม่..โทรไปถามเจ้าของบ้านดีกว่ามั้ง"

คุณนาย : "โทรติดแต่เบอร์ลุงอ่ะ บอกเพิ่งมาจากลำปางบอกทางให้ไม่ถูกหรอก ส่วนพี่เราเขาไปตีกอล์ฟกับเจ้านายปิดมือถืออ่ะ เดี๋ยวจะถามพี่สะใภ้อีกทีนะ..."

........แป่ว........................กลับรถมาออกทางเส้นหลักดีกว่า

เรา : "แม่อ่ะถึงแล้วกันตนา เนี่ยมาทางศาลายาอ้อมจะตาย ถามยามเอาก็ได้ หมูบ้านชัยพฤกษ์อะไรนะ"

ถามยามโรงถ่ายกันตนาก็ได้ความว่า แถวนี้ไม่มีชัยพฤกษ์16 สงสัยจะเป็นโรงถ่ายกันตนาบางใหญ่มากกว่าคับพี่........เฮ้อ.........

แม่ : "พี่สะใภ้เราโทรมาบอกให้คุยกะคนขับรถที่นั่งมาด้วยกันอ่ะ (ตัวเองบอกทางไม่ถูกเหมือนกัน)"

เรา : "(โทร) อยู่โรงถ่ายกันตนาศาลายาค่ะ...ไปบางใหญ่ได้...ไปทางลัด...(อีกแล้วเหรอ)...ค่ะๆ...ไปอีกไกลมั๊ย...ไม่รู้เหรอ...เลี้ยวตรงเลย รร.สวนกุหลาบ...ชื่อถนนอะไรนะคะ...ไม่มีชื่อ...เลี้ยวตรงถนนที่รถมันเลี้ยวเยอะๆ...ไปตามทางเรื่อยๆ...ค่ะๆ...ไว้จะถามคนแถวนั้นอีกที"

.............เฮ้อ.........................

หลงไป 2 ชั่วโมงครึ่ง

ทีหลังจะไม่ไปไหนกะคุณนายสุนีย์โดยไม่รู้เส้นทางอีกแระ

Sunday, June 21, 2009

Hospital XP

เมื่อวานที่ รพ. เปลี่ยนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ใหม่ เป็นระบบ Hos XP

ไม่มีใครเคยใช้เลย โปรแกรมที่มาทดลองให้ใช้ก็ได้ฟังกันคนละที 2 ที

แถมพี่เลี้ยงที่มาช่วยดูให้ทั้ง รพ. มีแค่ 3 คน

เพราะฉะนั้นคนไข้ก็เลยมารอตรวจรอยากันคนละเกือบ 3 ชั่วโมง

เป็นการลดจำนวนคนไข้ไปในทีเดียว 555

ของห้องยาแย่ตรงที่ใบสั่งยากับสติ๊กเกอร์ตัวเล็กลง มองไม่ค่อยเห็น

ตกบ่ายเราเลยต้องกลับบ้านไปเอาเครื่องเลเซอร์ปริ๊นท์ ที่บ้านมาติดให้ แก้ขัดไปก่อนที่จะปวดตาไปมากกว่านี้

กว่าจะทำคนไข้นอก คนไข้ในเสร็จได้กลับบ้านก็ 17.30 น.

รับโทรศัพท์แต่ละทีได้แต่สมน้ำหน้าพวกอยู่เวรที่มีชะตากรรมเดียวกัน...แต่เอาไว้คล่องก่อนเหอะ

ตอนนี้ร้องเพลงไปก่อน

.....มันเป็นงึกๆ งักๆ
มันเป็นกะอึกกะอั่ก
มันเป็นจึ๊กๆ จั๊กๆ
.........จั่งซี้มันต้องถอน~~~

Thursday, June 11, 2009

เรื่องของคนบ้าเกม

หมู่นี้ไม่ค่อยได้อัพบล๊อค ถ้าไม่มัวแต่ซึมเศร้าเรื่องงาน ก็เล่นแต่เกม

เรียกว่าติดหนึบหนับแต่เล่นนานๆ แล้วปวดตา

เกมที่มักจะเล่นก็เป็นพวก RPG (role-playing game) หรือเกมที่มีตัวละครและดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ หรือเกมภาษา

ไม่ถนัดกับพวกเกม action หรือเกมต่อสู้ เพราะปฏิกิริยาช้าเหลือเชื่อ กว่าจะเตะจะต่อยตอบโต้ก็ K.O. ซะแร้ว

พวก RPG ของ play station 2 หรือ PS2 มักจะมีฉาก VDO ภาพสวยๆ แทรกให้ดู

ตอนนี้ที่เล่นอยู่ก็ Final Fantasy X ไม่น่าเชื่อว่ามีอยู่ในพจนานุกรมวิกิพีเดียด้วย...ของเค้าดังจริงๆ


ถึงจะไม่ถูกใจเท่า Dragon Quest VIII ที่คนสร้างตัวละครเป็น Toriyama Akira คนวาดดรากอนบอล


แต่ก็นะ..เกมภาษา ที่เป็นภาษาอังกฤษของ PS2 ก็มีอยู่ไม่กี่เกม

แถมเราก็ยังยึดติดกับรูปแบบการเล่นของ FF หรือไม่ก็ DQ เล่นมาหลายภาค ตั้งแต่ PS1 โน่น

มันก็เลยเล่นได้แค่ 2 ค่ายนี้ แต่กว่าจะเล่นจบแต่ละเกมก็หลายเดือนอยู่ แถมฉากจบแต่ละเรื่องก็อลังการงานสร้าง และมีจบหลายแบบ แถมมีเกมซ่อนถ้าเคลียร์ boss ได้แมนๆ ก็ยังเล่นต่อไปได้อีกต่างหาก

เล่นหนักๆ เข้าก็อดนอนตาเป็นแพนด้า แต่ไม่หวั่น..ฮี่

.........เอ้า สู้ต่อปาย............

Friday, May 08, 2009

ไชโย..น้ำหนักลดแร้ววววววววว


แหม่...คราวนี้ไม่ต้องรอท้องเสียน้ำหนักถึงจะลง

เพราะหันมาใช้สูตรเมนูลดน้ำหนักแบบ 3 วัน ที่พี่ยี้แนะนำมา น้ำหนักก็ลงแบบเห็นๆ

ถึงอีก 4 วันในสัปดาห์ กลับมากินปกติจนน้ำหนักขึ้นอีกก็เหอะ

ทำมันวนๆ ทุกอาทิตย์มันก็ลงเองแหละ

ถึงจะไม่ค่อยตามสูตรเป๊ะๆ ก็เหอะ อย่างผักต้มก็เปลี่ยนเป็นผัดผัก หรือสุกี้ผัก

กินมาได้ 3 อาทิตย์...มีปากเป็นแผลฮ่ะ เป็นทั้งปากรวมทั้งฟันกรามด้วย

ไปให้หมอฟันดูนึกว่าจะฟันคุด

หมอปุ้มบอกว่าเหงือกเป็นแผล (ใหญ่มาก) แถมยังบอกให้เลิกกินตามสูตรเพราะสารอาหารไม่ครบ ขาดวิตามิน เลยมีแผลในปาก

.......หมอปุ้มเลยโดนรุมแซวว่า จะสกัดดาวรุ่งรึไง คนเค้าจะผอม........555

พอครบ 1 เดือน น้ำหนักลงๆ ขึ้นๆ แต่โดยรวมแล้วลง 3 กิโล.............ฮุ ฮุ

แต่เมื่อวานพาแม่ไปตรวจตาที่ รพ. ไร่ขิง

แล้วก็ดันไปปวดท้องซะเอง ปวดจนเกร็งไปหมด ต้องไปนอนตาปริบๆ อยู่ใน ER ไร่ขิงอยู่ตั้ง 3 ชั่วโมง

เกือบโดนเจี๋ยนไส้ติ่งไปซะแร้วดิ ดีที่ผลเลือดกับปัสสาวะดี

กลับมาบ้านท้องเสียอีก

พ่อเลยบอกว่าไม่ต้องอดอาหารแร้ว

เย้.........ดีใจได้กินข้าว

Thursday, March 19, 2009

พาคุณนายสุนีย์ไปปึกเตียนกะลูกชายลูกสะใภ้

พาแม่หนีพ่อไปเที่ยวอีกแล้ว

คราวนี้คุณน้องตัวดีกลับบ้าน เลยซื้อแพคเกจปึกเตียนคาบาน่า พากันไปพัก

ขับรถฝ่าฝนตกหนักโครตๆ ไปจนถึง


ที่พักสวยมั่กๆ มองเห็นอ๋อยอยู่ลิบๆ
แต่คุณนายสุนีย์ก็ไม่ได้ลงไปเดินลุยน้ำที่หาดเหมือนเคย มัวแต่นั่งเฝ้าของให้ลูกชายไปเล่นน้ำ

ดีที่ช่วงบ่ายอากาศดีแล้วก็พากันตระเวนถ่ายรูป และกินอาหารทะเล
แวะซื้ออาหารทะเลที่ตลาดเมืองเพชรอีกต่างหาก

กลับมาบ้านพ่อเลยงอนที่ถูกทิ้งให้เฝ้าบ้านกะหมา

Friday, March 06, 2009

เมื่อคุณนายสุนีย์ขี่เรือบินครั้งแรก

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วพาแม่ไปเที่ยวภูเก็ต
คุณนายสุนีย์ขึ้นเครื่องบินหนแรกท่าทางจะตื่นเต้นน่าดู เห็นตอนเครื่องขึ้น กำสร้อยพระไว้แน่น 555

ไปพักบ้านอาอ๋อย ยึดรถเค้ามาใช้

แถมยังให้อ๋อยเป็นไกด์พาเที่ยวรอบเกาะ

ไปวัดพระทอง ที่เราเรียกวัดพระผุด

วัดฉลอง

ไปตามวัดคราวนี้ไม่กล้าเสี่ยงทายเรื่องคู่อีก...เข็ด

ไปไหว้พระใหญ่บนเขานาคเกิดด้วย

แต่รู้สึกไกด์จะนิยมพาไปกินมากกว่า

ทั้งติ๋มซำยามเช้า อาหารว่างเป็นเฉาก๊วยธัญญพืชที่ร้าน "เฉาก๊วยริมทาง" หมี่หุ้นแกงปู ผัดหมี่ฮกเกี้ยน ร้านหมี่ต้นโพธิ์ บรรดาอาหารทะเลมื้อเย็น แถมตอนมืดยังไปกินไอติมกันอีก

กลับมายังไม่กล้าชั่งน้ำหนักเลยเนี่ย