สวัสดีปีใหม่ค่ะ ทุกๆ ท่าน ปีนี้ขอให้พบแต่สิ่งดีๆ สมปรารถนาในทุกสิ่งนะคะ
มาดูเหตุการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตเจ้าของบล๊อคในช่วงปี 52 ที่ผ่านมากันดีกว่าค่ะ
เดินทางไกลแบบขับรถเอง 2 ครั้ง
- ชะอำ 11 ม.ค. 52
- ปึกเตียน 14 – 15 มี.ค. 52
อบรมบ่มนิสัย ปีนี้เยอะมาก 10 ครั้ง
- นครปฐมและกทม. 7 ครั้ง
- ต่างจังหวัด 3 ครั้ง
เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก 5 ครั้ง....ยังน้อยอยู่...เฮ้อ
- ภูเก็ต 26 – 28 ก.พ. 52
- ปึกเตียน เพชรบุรี 14 – 15 มี.ค. 52
- ฮ่องกง 11 – 13 เม.ย. 52
- หัวหิน ชะอำ 8 – 9 ส.ค. 52
- ญี่ปุ่น 11 – 15 พ.ย. 52
งานแต่ง เหลืองานเดียว.......โฮกกกกกก
- สุนันท์ 4 ม.ค. 52
ที่เหลือ (รวมเราด้วย) ขึ้นทะเบียนคานทองไว้แร้ว
อื่นๆ
ปีนี้มีสิ่งประทับใจตอนไปดูแสงสีที่หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม ได้ไปช่วยกันประสานเสียง “ทรงพระเจริญ” ซ้ำแล้วซ้ำอีก ให้รู้สึกได้ว่าคนไทย “รัก” พระเจ้าอยู่หัวขนาดไหน
หมายเหตุ ยอดผู้ชายยกมาจากปี 52 = 0 และยอดยกไปปี 53 ก็ยัง = 0 อีกแล้ว....ทุกปี ทุกปี ตราบนาน...T-T
Thursday, December 31, 2009
Friday, December 18, 2009
โลกกว้างไป หรือใจเราแคบเกิน
กะลังชั่งใจว่าจะซื้อ Play Station Portable (PSP) มาเล่นดีมั๊ยน๊อ
เอาไว้เล่นเวลาอยู่ว่างๆ ไม่รู้จะทำอะไร แต่มันก็แพงอ้ะ แถมไปอ่านบทความของพี่วุฒิเคท (เที่ยวสบายกระเป๋า) เลยสะดุ้งนึดนึง
..... โลกยุคโลกาภิวัตน์นี่ ทุกเมืองใหญ่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือมีคนเหงามากเหลือเกินครับ...... ต่างกันเพียงดีกรี และผลสืบเนื่องอันนำมาซึ่งความว้าเหว่ ที่ต่างสาเหตุ กันเท่านั้นครับ
อะไรทำให้ผู้คนอยู่ในสภาพนี้หรือ
ถ้าถามผม..ผมก็ต้องบอกว่า...คนเราเดี๋ยวนี้สื่อสารกันน้อย...People talking without speaking, people hearing without listening...เหมือนเพลง เสียงแห่งความเงียบ ของ ไซม่อน แอนด์ การ์ฟังเกล นั่นแหละครับ...
เพราะอะไร ?
เพราะคนสมัยใหม่เดี๋ยวนี้ พูดกับโทรศัพท์...สื่อสารกับมือถือทาง เอสเอ็มเอส...และเมื่ออยู่ตามลำพังก็เล่นเกม ฆ่าเวลา... ซึ่งสังเกตเห็นได้จนคุ้นชินเป็นธรรมดาในรถซับเวย์ หรือตามมุมทางแยก มุมตึกต่างๆ...
ความเหงานี่ ใครเป็นผู้นำมาสู่หรือครับ....
เทคโนโลยี่ หรือ ความฉับไวในชีวิตที่ทำให้คุณค่าของความมนุษย์หดหายไป กลายเป็น หุ่นยนต์ ที่ไร้ชีวิตจิดวิญญาณ เข้าไปทุกที...
ถ้าเรามีครอบครัวที่อบอุ่น...มีผู้ใหญ่ ญาติพี่น้อง มิตรดี ที่คอยติติง บ่นเตือนเรื่องโน้นเรื่องนี้...มีคนคอยแนะนำ ให้มีสัมมาคารวะ มีมารยาท มีคุณธรรม ตระหนักในคุณค่าของงาน...... เน้นย้ำเรื่องการเลิกฝันเฟื่องที่จะได้ ผลลัพธ์ดอกผลอันงดงาม จากการอยู่เฉยๆหรือทำอะไรอย่างขอไปที...พร่ำพรรณนาให้เราปฏิบัติตนเป็นคนมีคุณค่า เป็นคนมีแรงกระตุ้นให้ทำอะไรเพื่อคนอื่น... ฯลฯ ละก็.... ขอให้ภูมิใจเถิดครับว่า...เราโชคดีเหลือเกินที่มีคนปรารถนาดีต่อเราอย่างจริงจัง....... เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าวมา จะช่วยให้เรามี มนุษยสัมพันธ์ อยู่ร่วมกับผู้คนในสังคมคนดีได้โดยไม่ต้องหลบสายตา....แล้วเราจะ ไม่เหงา ครับ
เชื่อเถิดครับว่า ....คนเหงา นี่น่าสงสารมาก ครับ...แม้จะร่วมกลุ่มกับ คนเหงา ด้วยกัน เป็นชมรม เป็น คณะ เป็น ก๊วน...ก็อย่าหวังเลยครับว่า ความเหงาจะจางหายไปในชีวิต....เพราะมัน ผิดตรรกะ ที่คนเหงาจะช่วยให้คนอื่นหายเหงาได้ครับ....เชื่อเถิดครับว่า...ถ้าไม่ถอนตัวก่อนจะสายเกินไป...เราจะมีเวลาที่เหม่อลอย สะท้อนใจ อยู่เสมอทุกครั้งที่อยู่ตามลำพัง...เพราะ..เหงา ครับ
........แง เราเหงาอยู่เหรอ?........
ป่าวมั๊ง....หนูแค่อยากได้ PSP อ้ะ
เอาไว้เล่นเวลาอยู่ว่างๆ ไม่รู้จะทำอะไร แต่มันก็แพงอ้ะ แถมไปอ่านบทความของพี่วุฒิเคท (เที่ยวสบายกระเป๋า) เลยสะดุ้งนึดนึง
..... โลกยุคโลกาภิวัตน์นี่ ทุกเมืองใหญ่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือมีคนเหงามากเหลือเกินครับ...... ต่างกันเพียงดีกรี และผลสืบเนื่องอันนำมาซึ่งความว้าเหว่ ที่ต่างสาเหตุ กันเท่านั้นครับ
อะไรทำให้ผู้คนอยู่ในสภาพนี้หรือ
ถ้าถามผม..ผมก็ต้องบอกว่า...คนเราเดี๋ยวนี้สื่อสารกันน้อย...People talking without speaking, people hearing without listening...เหมือนเพลง เสียงแห่งความเงียบ ของ ไซม่อน แอนด์ การ์ฟังเกล นั่นแหละครับ...
เพราะอะไร ?
เพราะคนสมัยใหม่เดี๋ยวนี้ พูดกับโทรศัพท์...สื่อสารกับมือถือทาง เอสเอ็มเอส...และเมื่ออยู่ตามลำพังก็เล่นเกม ฆ่าเวลา... ซึ่งสังเกตเห็นได้จนคุ้นชินเป็นธรรมดาในรถซับเวย์ หรือตามมุมทางแยก มุมตึกต่างๆ...
ความเหงานี่ ใครเป็นผู้นำมาสู่หรือครับ....
เทคโนโลยี่ หรือ ความฉับไวในชีวิตที่ทำให้คุณค่าของความมนุษย์หดหายไป กลายเป็น หุ่นยนต์ ที่ไร้ชีวิตจิดวิญญาณ เข้าไปทุกที...
ถ้าเรามีครอบครัวที่อบอุ่น...มีผู้ใหญ่ ญาติพี่น้อง มิตรดี ที่คอยติติง บ่นเตือนเรื่องโน้นเรื่องนี้...มีคนคอยแนะนำ ให้มีสัมมาคารวะ มีมารยาท มีคุณธรรม ตระหนักในคุณค่าของงาน...... เน้นย้ำเรื่องการเลิกฝันเฟื่องที่จะได้ ผลลัพธ์ดอกผลอันงดงาม จากการอยู่เฉยๆหรือทำอะไรอย่างขอไปที...พร่ำพรรณนาให้เราปฏิบัติตนเป็นคนมีคุณค่า เป็นคนมีแรงกระตุ้นให้ทำอะไรเพื่อคนอื่น... ฯลฯ ละก็.... ขอให้ภูมิใจเถิดครับว่า...เราโชคดีเหลือเกินที่มีคนปรารถนาดีต่อเราอย่างจริงจัง....... เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าวมา จะช่วยให้เรามี มนุษยสัมพันธ์ อยู่ร่วมกับผู้คนในสังคมคนดีได้โดยไม่ต้องหลบสายตา....แล้วเราจะ ไม่เหงา ครับ
เชื่อเถิดครับว่า ....คนเหงา นี่น่าสงสารมาก ครับ...แม้จะร่วมกลุ่มกับ คนเหงา ด้วยกัน เป็นชมรม เป็น คณะ เป็น ก๊วน...ก็อย่าหวังเลยครับว่า ความเหงาจะจางหายไปในชีวิต....เพราะมัน ผิดตรรกะ ที่คนเหงาจะช่วยให้คนอื่นหายเหงาได้ครับ....เชื่อเถิดครับว่า...ถ้าไม่ถอนตัวก่อนจะสายเกินไป...เราจะมีเวลาที่เหม่อลอย สะท้อนใจ อยู่เสมอทุกครั้งที่อยู่ตามลำพัง...เพราะ..เหงา ครับ
........แง เราเหงาอยู่เหรอ?........
ป่าวมั๊ง....หนูแค่อยากได้ PSP อ้ะ
Sunday, December 13, 2009
4D light&sound
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาจุ๋ยชวนไปดูงานแสดงแสงเสียงพระราชกรณียกิจที่ลานหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม
เลยชวนอ๋อยไปด้วยแล้วไปสมทบกับพี่ยี้อีกคน
ออกจากนครปฐมตั้งแต่บ่าย 2 แต่กว่าจะกินข้าวเย็นรองท้องกันเสร็จ ปาเข้าไป 6 โมง
ไปถึงเลยเจอคนล้านเจ็ดซะแล้ว บรรดาเก้าอี้ต่างๆ มีคนนั่งเต็มไปหมด
เลยได้แต่ไปยืนตรงกลางๆ พอได้เวลาจะแสดงก็มีเสียงโห่ให้นั่งจะได้ไม่บังข้างหลัง
ต้องหาที่นั่งอันน้อยนิดแล้วนั่งดูจนได้
กว่าจะถึงเวลาฉาย 20.00 ดูแบบนั่งคุกเข่าซักชั่วโมง ก็ได้รูปห่วยสนิทเพราะแสงน้อยมาแบบเนี๊ยะ
ส่วนอีกเกือบชั่วโมงหลัง คนที่มาไกลต้องรีบกลับเลยพอมีเก้าอี้ว่างให้เข้าไปเสียบครึ่งตูด แบ่งกับจุ๋ย ส่วนพี่ยี้ก็นั่งตักจุ๋ยอีกที กว่าจะได้นั่งแบบ OTOC หรือ one tood one chair (หนึ่งตูดหนึ่งเก้าอี้) ก็เกือบจบการแสดง
จบการแสดง 22.00 ยังเดินไปดูรถประดับไฟที่ถนนราชดำเนินอีก จนเมื่อยและหิว ก็แวะหาอะไรกินกันแถวริมถนน
เดิน เดิน เดิน ผ่านภูเขาทองไปถึงลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ กว่าจะเดินไปถึงเขตที่ไม่ปิดถนนและมีแท็กซี่วิ่งได้ก็เกือบถึงเยาวราช
......ขาลาก เล้ย.............
วันรุ่งขึ้นพี่ยี้ทำอาหารเช้าแบบ full curse เอ๊ย full course ให้กินเต็มที่ ก่อนจะพาจุ๋ยไปเดินซื้อเสื้อผ้าที่จตุจักร
มีคอสตูมไปด้วย 2 คน แถมหน่วยส่งเสริมการขายแบบนี้ จุ๋ยก็ได้หล่อราคาประหยัดคาดไม่ถึงมาหลายชุดล่ะ
Thursday, December 10, 2009
เรื่องเล่าเมื่อวันพ่อ
เมื่อหยุดยาววันพ่อที่ผ่านมา น้องชายกลับมาบ้าน
แม่ดีใจใหญ่...ส่วนพ่อแอบดีใจ
ไม่ได้ถามพ่อว่า ระหว่างเรากะน้องชายใครหน้าเหมือนพ่อมากกว่ากัน?
กลัวพ่อจะบอกว่า "บอกไม่ถูก ...หน้าตาดีเหมือนกันทั้งคู่" แบบในโฆษณา 555
น้องชายเอาซีวิคป้ายแดงสีดำคันใหม่มาอวดด้วย
แต่จอดที่บ้านได้คืนเดียว น้องหมาตัวไหนก็ม่ายยู้ไปแทะเอาบังโคลนซะแหว่ง...
เก่งมากลู้ก.......เดี๋ยวมันไปแล้วแม่จะให้รางวัล
คุณหญิงแม่เราเกิดดำริว่าจะไปเที่ยวตากอากาศที่บางปูอีก
เลยต้องขับรถพาไปพร้อมลูกชายลูกสะใภ้
....ทิ้งพ่อเฝ้าบ้านวันพ่อซะงั้น.....แต่พ่อบอกว่าดีที่สุดเลย...เงียบหูดี
ส่วนเราก็ดีที่ไม่หลง และดีที่แวะเมืองโบราณ
ในบรรดาสิ่งก่อสร้าง ชอบพระที่นั่งสรรเพชญปราสาทที่สุดเรย
นั่งหัวเราะ ก๊ากๆๆๆ ขำปลาอานนท์หน้าตาตลก บนรถรางอยู่ตั้งนาน
หลังจากนั่งรถรางครบรอบแล้วก็มาเอาจักรยานไปขี่ถ่ายรูปต่อ เพราะฝีมือถ่ายบนรถวิ่งน่าจะห่วยสุดๆ
แต่ขี่พ่วงคุณนายสุนีย์ไปได้นิดเดียวก็เริ่มข้อเข่าเสื่อม เลยสะพานรุ้งไปได้นิดเดียวก็กลับ
จากนั้นก็ไปดูนกนางนวลที่บางปูกันต่อ แบบร้อนมั่กๆ และไม่มีอะไรเลยนอกจากน้ำกะนก
เมื่อไม่มีอะไรจะทำก็เลยกลับถึงบ้านไม่ทันเย็น ทำเวลาได้ดีมาก
วันรุ่งขึ้นน้องชายกะน้องสะใภ้ก็ขับซีวิคแหว่งๆ กลับไป ทีนี้ไม่รู้ว่าปีหน้ามันจะมาเยี่ยมพ่อกับแม่แบบต่อรองว่าถ้ามีมันต้องไม่มีหมาอ๊ะป่าว...หุ หุ
Subscribe to:
Posts (Atom)